ผลวิจัยชี้ ปัจจัยทำ “เด็กปัตตานี” ไอคิวต่ำ เผย “การศึกษา
- อาชีพ” ของพ่อแม่ส่งผลด้วย ไม่ใช่นักธุรกิจ รัฐวิสาหกิจ
ราชการ โอกาสไอคิวต่ำกว่าถึง 2.3 เท่า ความผิดปกติแรกคลอด
การนมแม่น้อยล้วนส่งผล
พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา
ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ 12 กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
(สธ.) กล่าวว่า จากการสำรวจระดับสติปัญญาเด็กไทยเมื่อปี 2554
ของสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ในนักเรียน อายุ 6 - 18 ปี จำนวน 92,525 คน พบว่า ระดับสติปัญญาเด็กใน
จ.ปัตตานี อยู่ในลำดับที่ 75 ของประเทศ
มีระดับสติปัญญาเฉลี่ยที่ 91.06
ถือว่าอยู่ในระดับปกติแต่ค่อนไปทางต่ำ และจากปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลกระทบต่อการศึกษาของเด็ก ศูนย์สุขภาพจิตที่ 12 จ.ปัตตานี ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงดำเนินการศึกษาวิจัยเรื่อง “ปัจจัย” ที่ส่งผลต่อระดับสติปัญญาของเด็กช่วงอายุ 3
- 5 ปี ใน จ.ปัตตานี โดยทำการศึกษาเชิงสำรวจเด็กอายุ 3 - 5 ปี ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาลรัฐและเอกชน จำนวน 819 คน ผ่านการทำแบบประเมินความสามารถเชาวน์ปัญญาเด็กอายุ 2 - 15 ปี กรมสุขภาพจิต
และใช้แบบสอบถามเรื่องปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับสติปัญญาเด็กอายุ 3 - 5 ปี ใน จ.ปัตตานี สำหรับครูผู้ดูแลเด็ก / ครูพี่เลี้ยง และ ผู้ปกครอง /
ผู้เลี้ยงดูเด็ก
พญ.เพชรดาว กล่าวว่า ผลการศึกษา พบว่า
กลุ่มตัวอย่างมีระดับสติปัญญาหรือไอคิว น้อยกว่า 90 ร้อยละ 16.2 โดยอิทธิพลของปัจจัยต่าง ๆ พบว่า
เด็กอนุบาลรัฐมีโอกาสที่จะมีระดับไอคิวน้อยกว่า 90 อยู่ 2.33 เท่าของเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
เด็กอนุบาลเอกชนมีโอกาสที่จะมีระดับไอคิวน้อยกว่า 90 อยู่ที่
1.37 เท่าของเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ผู้ปกครองไม่ใช่อาชีพธุรกิจ
รัฐวิสาหกิจ ราชการ มีโอกาสที่เด็กจะมีไอคิวน้อยกว่า 90 อยู่
2.31 เท่าของ 3 อาชีพนี้
เด็กเรียนน้อยกว่าร้อยละ 90
มีโอกาสที่จะมีระดับไอคิวน้อยกว่า 90 อยู่ 1.8 เท่าของเด็กที่มาเรียนเกินร้อยละ 90
ความผิดปกติแรกคลอดมีโอกาสที่จะมีระดับไอคิวน้อยกว่า 90 อยู่
2.61 เท่าของเด็กที่ไม่มีความผิดปกติ
เด็กรับรู้ข่าวสารความรุนแรงบ่อย ๆ มีโอกาสที่จะมีระดับไอคิวน้อยกว่า 90 อยู่ 1.69
เท่าของเด็กที่ไม่ได้รับรู้ข่าวสารความรุนแรง
“โดยสรุปปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับสติปัญญาของเด็กช่วงอายุ
3 - 5 ปี ใน จ.ปัตตานี คือ อายุเด็ก ความผิดปกติแรกคลอด
ระยะเวลาการดื่มนมมารดา การรับวัคซีน การศึกษาบิดามารดา อาชีพบิดามารดา
การสื่อสารด้วยภาษาไทย การได้รับความรักความอบอุ่น การทำกิจวัตรประจำวันส่วนตัวด้วยตนเอง
การรับประทานผลไม้ การรับประทานอาหารหมักดอง อำเภอที่ตั้ง สถานศึกษา
ประเภทของสถานศึกษา เวลาเข้าเรียน และการรับรู้ข่าวสารสถานการณ์ความไม่สงบ
ข้อเสนอแนะ คือ 1. การบริโภคสื่อจากช่องทางต่าง ๆ เช่น
สื่อโทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ตผู้ปกครองควรให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด 2. การบริโภคอาหารผู้ปกครองควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ควรเลี้ยงลูกด้วยนมมารดา
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และงดรับประทานอาหารหมักดอง ขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลมลูกอม
3. การส่งเสริมระดับสติปัญญาของลูกควรเริ่มต้นตั้งแต่ในครรภ์
ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอดูแลสุขภาพจิตขณะตั้งครรภ์
และ 4. ความสามารถทางสติปัญญาสามารถส่งเสริมกระตุ้นได้โดยผู้ที่มีความรู้
ดังนั้น ผู้ปกครอง และครูควรมีความรู้ในเรื่องการส่งเสริมและกระตุ้นสติปัญญา
เพื่อสามารถกระตุ้นและส่งเสริมระดับสติปัญญาของลูกและนักเรียนได้” พญ.เพชรดาว กล่าว
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น