อาหารที่รับประทานในช่วงเดือนรอมฎอน
ไม่ควรจะแตกต่างจากอาหารตามปกติที่รับประทานในเดือนอื่นๆ
ควรเป็นอาหารที่รักษาน้ำหนักของเราให้คงที่ ไม่ทำให้น้ำหนักลดหรือเพิ่มมากขึ้น
(เนื่องจากบางคนนอกจากน้ำหนักไม่ลดแล้ว
ยังน้ำหนักเพิ่มเพราะรับประทานมากกว่าเดือนอื่นๆ)
ในเดือนนี้เราต้องอดอาหารเป็นเวลานาน
เราจึงควรบริโภคอาหารที่ย่อยช้าอย่างอาหารที่มีใยอาหารให้มากกว่าอาหารที่ย่อยเร็ว
อาหารที่ย่อยช้าจะอยู่นานถึง 8 ชั่วโมง ในขณะที่อาหารย่อยเร็วอยู่ได้เพียง 3 ถึง 4
ชั่วโมงเท่านั้น
- อาหารย่อยช้า คืออาหารที่มีเมล็ดเช่น
ข้าวบาร์เลย์,
ธัญพืช, ข้าวโอ้ต, ลูกเดือย,
เซโมลิน่า (ขนมปังทำจากแป้งสาลีที่เหลือจากร่อน), ถั่ว, ถั่วแขก, แป้งสาลีไม่ขัดขาว,
ข้าวกล้อง ฯลฯ (เรียกว่าคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน - complex
carbohydrates)
-อาหารที่เผาผลาญเร็ว
คืออาหารที่มีน้ำตาล,
แป้งข้าว ฯลฯ (เรียกว่า คาร์โบไฮเดรตขัดสี - refined
carbohydrates)
-อาหารที่มีใยอาหาร
คืออาหารที่ประกอบด้วยรำข้าว, โฮลวีท, เมล็ด,
ถั่วสีเขียวที่เหมือนผัก, ถั่ว, ฟักแฟง, แป้งข้าวโพด, ผักขม
และผักสมุนไพร, ใบของหัวบีท(อุดมด้วยธาตุเหล็ก), ผลไม้ทั้งเปลือก, ผลไม้แห้ง, ลูกมะเดื่อและลูกพรุน,
อัลมอนด์ ฯลฯ
อาหารที่รับประทานก็ควรมีความสมดุลกัน
ประกอบด้วยอาหารจากหมู่ต่างๆ ครบทั้ง 5 หมู่ เช่น ผัก/ผลไม้, เนื้อ/ไก่/ปลา, ขนมปัง/ซีเรียล และนม อาหารทอดๆ
ไม่ดีต่อสุขภาพและควรรับประทานอย่างจำกัด มันทำให้อาหารไม่ย่อย และทำให้มีปัญหาเรื่องน้ำหนัก
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารทอดและมีไขมันสูง
- อาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป
- การรับประทานอาหารซุโฮร์มากเกินไป
(อาหารมื้อก่อนเริ่มถือศีลอด)
- การดื่มชามากเกินไป
ชาทำให้ถ่ายปัสสาวะบ่อย ทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือแร่ที่มีค่าซึ่งต้องใช้ระหว่างวัน
- การสูบบุหรี่ ถ้าคุณเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้
ให้ค่อยๆ ลดก่อนถึงเดือนรอมฎอน การสูบบุหรี่ไม่ดีต่อสุขภาพ และควรเลิกให้ได้
รับประทาน
- อาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนในช่วงซุโฮร์ เพื่อจะได้อยู่ท้องนานและทำให้ไม่ค่อยหิว
- ฮาลีม (อาหารพิเศษช่วงเดือนรอมฎอน)
เป็นแหล่งโปรตีนชั้นเลิศ และเป็นอาหารที่เผาผลาญช้า
- อินทผลัม เป็นแหล่งน้ำตาลชั้นเลิศ
มีใยอาหาร, คาร์โบไฮเดรต, โปแตสเซียม และแมกนีเซียม
- อัลมอนด์ อุดมด้วยโปรตีนและใยอาหาร
ไขมันน้อย
- กล้วย เป็นแหล่งโปแตสเซียมที่ดี,
มีแมกนีเซียม และคาร์โบไฮเดรตด้วย
ดื่ม
-
ควรดื่มน้ำหรือน้ำผลไม้ให้มากเท่าที่จะมากได้ในช่วงละศีลอดและก่อนเข้านอน
เพื่อร่างกายจะได้ปรับระดับของเหลวได้ทันเวลา
.......................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น