วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ทำอย่างไร? ชุมชนจึงจะเข้มแข็งได้



          ชุมชน เป็นองค์กรทางสังคมอย่างหนึ่งที่มีการอยู่รวมกันของกลุ่มคน มีการกำหนดรูปแบบความสัมพันธ์ กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ในการอยู่ร่วมกัน เป็นหน่วยสังคมขนาดเล็กที่สมาชิกของสังคมพัฒนาขึ้นตามธรรมชาติ มีการดำรงรักษาคุณค่าและมรดกทางวัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา ประเพณี ระบบเศรษฐกิจ อาชีพ ระบบการเมือง การปกครอง โครงสร้างอำนาจ รวมถึงระบบนิเวศวิทยา สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีด้านต่างๆ ซึ่งระบบเหล่านี้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันชนิดที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
          ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีอีกหลายชุมชนที่ยังสามารถบริหารจัดการตนเองให้มีความเข้มแข็ง กระทรวงวัฒนธรรมจึงได้มีแนวคิดศึกษาวิธีการบริหารจัดการของชุมชน ที่สามารถสร้างความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมท่ามกลางปัญหาอุปสรรครอบด้าน เพื่อนำไปเผยแพร่เป็นตัวอย่างให้แก่ชุมชนอื่นๆ ได้เรียนรู้ และนี่คือส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ผู้มีบทบาทที่เป็นต้นแบบการบริหารจัดการชุมชนเข้มแข็ง
ชุมชนทรายขาว หมู่ 3 ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
       “เวลาชาวพุทธมีงานอะไรเขาก็เชิญมุสลิมไป  แต่เขาจะแยกเป็นครัวมุสลิมให้ มุสลิมเชิญพุทธไปร่วมงานเราก็แยกอาหาร ทางด้านสังคมเราอยู่ร่วมกัน แต่ทางด้านอาหารเราก็แยกกัน มีกิจกรรมอะไรเราก็ร่วมกัน แต่บางอย่างเป็นสิ่งร่วมกันไม่ได้ เช่นเรื่องพิธีกรรมทางศาสนา ชาวพุทธเขาก็เข้าใจ อีกอย่างคือด้านภาษา ที่อื่นถ้ามุสลิมเขาจะพูดมลายู ถ้าพุทธก็ใช้ภาษาใต้ แต่ที่นี่จะพูดภาษาเดียวกันเป็นภาษาทรายขาว ในเรื่องเหตุการณ์ความไม่สงบเราก็ไม่ค่อยจะมี ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยว จึงไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น ผู้นำก็มีการตกลงกันเป็นวาระ ว่าสลับกันดูแลระหว่างพุทธกับมุสลิม  อีกสิ่งหนึ่งที่ผมภูมิใจ คือ ที่อื่นส่วนใหญ่ผู้นำจะมีการขัดแย้งกันในแต่ละหน่วยงาน แต่ที่นี่ไม่มี  เยาวชนรุ่นใหม่มีการไปมาหาสู่กันปกติ ที่เป็นเจ้าอาวาสบางท่านก็มีลูกหลานเป็นมุสลิม สมัยก่อนเวลาเลี้ยงวัวหรือเลี้ยงลิง หากมันหลุดไปเขาก็จะประกาศหาเจ้าของ ไม่มีการหายเหมือนที่อื่น บางทีคนพุทธทำขนมเขาก็เอามาแบ่ง ก็อยากจะให้อีกหลายต่อหลายแห่งที่มีความไม่ไว้วางใจกัน ดำเนินชีวิตแบบพวกเรา(สัมภาษณ์ นายดลฮาฟ สาหลำสาหรี อิหม่ามมัสยิดนัจมุดดีน หรือสุเหร่าบาโงยลางา)

          ครั้งหนึ่งอาตมาเคยไปคุยกะโต๊ะอิหม่ามตอนที่มีเรื่องขัดแย้งกันระหว่างวัยรุ่น ว่าให้เราอยู่ด้วยกันให้เหมือนแต่ก่อน จากนั้นก็อยู่กันได้เรื่อยมา  ทางอิสลามเขาเข้ามาที่วัดเรื่อยๆ มาเรียน กศน.  ในการพัฒนาพื้นที่ คนมุสลิมก็จะเข้ามาช่วยทำความสะอาด ช่วยกวาดขยะที่วัด  คนแถวนี้พูดภาษาเดียวกัน ไม่ค่อยทะเลาะวิวาทกัน ในชุมชนสมัยก่อนเขาก็ช่วยกัน แม้นเดี๋ยวนี้อาจดูห่างๆ กันไปบ้าง  การช่วยเหลือกันทางด้านศาสนามีน้อย แต่ก็ยังอยู่ร่วมกันได้เหมือนเดิม อาตมาเองเป็นห่วงเด็กๆ รุ่นหลังว่าจะไม่เป็นเหมือนแต่ก่อน  ที่นี่วันพระจะมีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เข้าวัดกัน  แต่ชุมชนที่นี่อิสลามจะเยอะกว่าพุทธ อาตมาก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้พุทธกับอิสลามอยู่กันได้เหมือนเดิม(สัมภาษณ์ พระครูปราโมทย์ สีตคุณ เจ้าอาวาสวัดทรายขาว)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น