วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2564

แลนด์มาร์คใหม่นราธิวาส เมกะโปรเจ็ค 500 ล้าน

แลนด์มาร์คใหม่ นราธิวาส เมกะโปรเจ็ค 500 ล้าน

นราธิวาสผุดโครงการ เมกะโปรเจ็ค 500 ล้าน!! เคเบิ้ล คาร์ จุดชมวิว ทะเลหมอกสุคิริน

นราธิวาส เตรียมขยายงานด้านการท่องเที่ยว เตรียมเนรมิตจุดชมวิวสุคิรินให้เป็นอีกท่อวเที่ยวหนึ่งติดอันดับประเทศ

โยธาฯ ออกแบบ Concept สถานี กอและลอยฟ้าเสร็จแล้วครับ 3 สถานี





สถานี 1 หน้าวัดโต๊ะโมะ ( ตรงฐานทหาร)

สถานี 2 หลังศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ(ตรงจุดสร้างเจ้าแม่ที่สูงที่สุดในประเทศไทย)

สถานี 3 ตรงภูศาลาจุดชมทะเลหมอก 2 ประเทศ

อย่างไรก็ตาม แบบที่เสนอนี้ยังไม่เป็นแบบที่นำเสนอไอเดียเท่านั้น ต้องติดตามอีกครั้งว่ารูปแบบสุดท้าย จะมีน่าค่าตา แบบใด






วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2564

กิจกรรมเพื่อนรักต่างศาสนา ขับเคลื่อนสันติภาพและการปรองดองในสังคมไทย

       พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีความ หลากหลายและการอยู่ร่วมกันของผู้คนต่างศาสนิกเป็นภาพที่ชินตามาอย่างยาวนาน โดยภาพที่สะท้อนให้เห็นคือการอยู่ร่วมกันของชาวไทยพุทธ มุสลิม ในชุมชนเดียวกัน วัดและมัสยิดอยู่คนละฝั่งถนน หันหน้าเข้าหากัน ผู้คนเดินทางมาด้วยกันและแยกเดินเข้าวัดหรือมัสยิดตามศาสนาที่ตนเองนับถือ นี่คือความสวยงามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

         และเพื่อเป็นการสะท้อนภาพเหล่านั้นออกมาให้สังคมได้เห็นถึงวิถีชีวิตที่สวยงามและเป็นสุข สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล นำโดยอาจารย์ ดร.พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์ พร้อมด้วย  ดร.ชาญชัย ชัยสุขโกศล สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล นำพระภิกษุ ภิกษุณี และผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่จังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี ร่วมลงพื้นจัดกิจกรรมเพื่อนรักต่างศาสนา ผู้นำการขับเคลื่อนถักทอสันติภาพและการปรองดองในสังคมไทย ณ วัดและมัสยิดในพื้นที่จังหวัดสตูล สงขลา และตรัง


         กิจกรรมที่จัดขึ้นนี้เพื่อลดมุมมองปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่จากภายนอก โดยการอยู่ร่วมกันของประชาชนที่นับถือศาสนาแตกต่างกันในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไป ซึ่งกิจกรรมนี้ได้นำหลักสุขภาพเป็นตัวนำ โดยให้พระภิกษุ ภิกษุณี และผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่ร่วมเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ และเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ดูแล พร้อมสวดมนต์ให้พรแก่ผู้ป่วยที่นับถือศาสนาพุทธหรือขอดุอาร์ให้แก่ผู้ป่วยที่นับถือศาสนาอิสลาม และยังเป็นการสร้างความคุ้นเคย ความปรองดองให้แก่คณะที่ร่วมกิจกรรมจากการลงพื้นที่ร่วมกัน นอกจากจะได้เยี่ยมเยียนผู้ป่วยแล้ว ยังได้แลกเปลี่ยน เสนอความคิดเห็นต่าง ๆ นำไปสู่ความร่วมมือและการทำกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกัน


        สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดสตูลนั้น สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดลนำคณะลงพื้นที่วัดชนาธิปเฉลิม พระอารามหลวง ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล โดยมีพระครูสุนทรธรรมนิเทศก์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชนาธิปเฉลิม พระอารามหลวง , ประธานคริสต์จักรจังหวัดสตูล  และผู้แทนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล ร่วมให้การต้อนรับ จากนั้นเดินทางต่อไปมัสยิดบูเก็ตบูหงา ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล โดยมีนายอรุณ อุมาจิ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล และกรรมการมัสยิดบูเก็ตบูหงา ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมจัดกิจกรรมเสวนาสร้างสันติภาพ และการปรองดองในพื้นที่และติดตามการดำเนินงานของมัสยิดบูเก็ต บูหงา โดยยกให้จังหวัดสตูลเป็นจังหวัดที่มีความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมของคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2564

กลุ่มกระจูดนาราบาฮาเกียอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส

       มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ สืบสานพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยการพัฒนาต่อยอด  งานศิลปาชีพ กลุ่มกระจูดนาราบาฮาเกียทำให้สมาชิกมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19


       สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานความช่วยเหลือครอบครัวราษฎรที่มีฐานะยากจน โดยพระราชทานกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ให้กับราษฎร เพื่อเป็นอาชีพเสริมในยามว่างได้มีงานทำ และมีรายได้ที่แน่นอน และเพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยและวัตถุดิบในท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป ซึ่งเป็นที่มาของโครงการส่งเสริมศิลปาชีพจังหวัดนราธิวาส ประกอบด้วย โครงการจักสานย่านลิเภา จักสานเสื่อกระจูด จักสานเสื่อปาหนัน เรือกอและจำลอง ทำมู่ลี่ฝ้ายผสมกระจูด เป็นต้นนางสาวโซเฟียนา ลาเต๊ะ เจ้าหน้าที่มูลนิธิปิดทองหลังพระ กล่าวว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ.2560 ทางมูลนิธิปิดทองหลังพระ ได้เข้ามาส่งเสริมสนับสนุนกลุ่มกระจูดนาราบาฮาเกีย ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยเริ่มต้นจากกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับงานศิลปาชีพ


“...สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จ     พระราชดำเนินมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เมื่อปี พ.ศ.2542 ชาวบ้านได้ถวายย่านลิเภา และเสื่อกระจูด ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวบ้านภาคภูมิใจอย่างมาก และอยากจะสานต่อ    ในงานฝีมือเหล่านี้ มูลนิธิปิดทองฯ ได้เข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้เพิ่มเติม โดยบูรณาการการทำงานกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และปราชญ์ชาวบ้าน...


       กลุ่มกระจูดนาราบาฮาเกีย สมาชิกเริ่มต้นทำผลิตภัณฑ์สานเสื่อกระจูด จนพัฒนาฝีมือมาทำกระเป๋ากระจูด นอกจากนี้ มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ ยังช่วยเหลือกลุ่มในเรื่องของการบริหารจัดการ บัญชีรายรับ-รายจ่าย แต่หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 มีกลุ่มคนรุ่นใหม่สนใจเข้าร่วมกลุ่ม เนื่องจากว่างงาน ไม่สามารถออกไปทำงานนอกพื้นที่ได้โดยเข้ามาช่วยจัดทำบัญชี มีฐานการผลิตเพิ่มเติม ช่วยประสัมพันธ์การขายออนไลน์ ส่วนตัวมองว่าความยั่งยืนของกลุ่มอยู่ที่คนรุ่นใหม่ด้วยที่อยากจะสานต่องานหัตถกรรมกระจูดสืบสานแนวพระราชดำริที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ทรงพระราชทานไว้ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญ นางอายีย๊ะ  ลาเตะ ประธานกลุ่มกระจูดนาราบาฮาเกีย กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และขอขอบคุณมูลนิธิปิดทองหลังพระ ที่จัดหาครูศิลปาชีพมาสอนทำผลิตภัณฑ์      จากกระจูด ทำให้เกิดการพัฒนาต่อยอด ทำให้สมาชิกมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รายได้ของกลุ่มต่อปี 225,339 บาท (ข้อมูลปี พ.ศ.2562)

“...รู้สึกมีความสุขที่ได้รวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ คนในหมู่บ้าน ทำให้คนในหมู่บ้านมีรายได้เสริมจากการทำผลิตภัณฑ์กระจูด เกิดความรัก ความสามัคคีในชุมชน ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ก็ทำผลิตภัณฑ์จำหน่ายต่อเนื่อง โดยจำหน่ายผ่านช่องทางเพจ ขายออนไลน์...️ ปัจจุบันกลุ่มกระจูดนาราบาฮาเกีย มีสมาชิก 32 คน ผลิตภัณฑ์จากกระจูดที่ทำจำหน่าย มีทั้งเสื่อ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าเอกสาร และทำตามแบบที่ลูกค้าต้องการ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่คุณโซเฟียนา มือถือ  064-4783543 หรือเพจ นาราบาฮาเกีย