วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561

นราธิวาส เผยแนวทาง ภายใต้นโยบาย “7 วาระ นราน่าอยู่ อย่างยั่งยืน”



       ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผย กรอบแนวทางการทำงานของจังหวัดนราธิวาส ภายใต้นโยบาย “7 วาระ นราน่าอยู่ อย่างยั่งยืนพร้อมน้อมนำศาสตร์พระราชา เป็นหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน
       นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงกรอบแนวทางการทำงานของจังหวัดนราธิวาส ในปีงบประมาณ 2562 ว่า จะยึดตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 นโยบายของรัฐบาลและแผนพัฒนาต่าง ๆ เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในพื้นที่ภาคใต้ชายแดน ที่สำคัญคือการรับฟังปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแจ้งมาทางช่องทางทั้งที่ปรึกษาและศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ จังหวัด เพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดผลสำเร็จ และบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนต่อไป
       ทั้งนี้ ได้กำหนดเป็นแนวนโยบายภายใต้ “7 วาระ นราน่าอยู่ อย่างยั่งยืนได้แก่ 
       1.นราตามรอยพ่อ มุ่งเน้นชีวิตพอเพียง เพื่อสุขเพียงพอ ด้วยการสร้างโอกาสในชีวิตด้วยศาสตร์พระราชา การพึ่งตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมการพัฒนาและขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นต้น 
       2.นราสะอาด เน้นสิ่งแวดล้อมดี มีวินัย ใจสะอาด 
       3.นราสะดวก เป็นการดูแล ใส่ใจ พร้อมให้บริการ ในเรื่องพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการอำนวยความสะดวกทางการค้าชายแดนสู่ระดับสากล ส่งเสริมการใช้อินเตอร์เน็ตชุมชน เป็นต้น 
       4.นราสบาย คือเศรษฐกิจสมดุล อบอุ่นทุกครัวเรือน ด้วยการสร้างอาชีพแก่เศรษฐกิจฐานราก พัฒนาผู้ประกอบการสู่เศรษฐกิจการแข่งขัน 4.0 
       5.นราปลอดภัย เน้นทุกแห่งหน คนปลอดภัย เสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน ชุมชนเมือง การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นต้น
       6.นราแบ่งปัน มุ่งหวังคนนราทุกวัย ร่วมใจแบ่งปัน สร้างโอกาสแก่ผู้ด้อยโอกาส สร้างสังคมแห่งคุณธรรมและเกื้อกูล ส่งเสริมผู้สูงอายุที่มีศักยภาพเพื่อพัฒนาสู่แรงงานภาคบริการ และ 
       7.นราสามัคคี เน้นการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ปลูกฝังค่านิยม 12 ประการ ส่งเสริมกิจกรรมศาสนิกสัมพันธ์ รวมถึงการพัฒนาการกีฬาเพื่อความเป็นเลิศทุกมิติอย่างเป็นระบบ เป็นต้น

ชาวบ้านในพื้นที่ หารายได้เสริม จับหอยขมขายเป็นอาชีพ



      ที่บริเวณบึงแบเมาะ บ้านจารู เขตเทศบาลนครยะลา ชาวบ้าน ที่มีอาชีพแม่ค้าขายหอยขม ได้ลงหาหอยขม ซึ่งมีอยู่ในบริเวณคลองจำนวนมาก เพื่อเตรียมนำไปขายที่ตลาดสดยะลา เป็นรายได้ใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งในแต่ละวันก็จะหาหอยขมได้ ประมาณ 7-8 กิโลกรัม โดยหอยขม ที่ตัดท้ายก็จะขายในราคา 35-40 บาท ส่วนที่ยังไม่ตัดท้ายจะขายในราคากิโลกรัมละ 30 บาท มีรายได้วันละกว่า 200-300 บาท


      นางฟาซียะห์ เบอโต ชาวบ้านจารู บอกว่า ตนเองมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายหอยขม ก็จะมาเก็บหอยขมไปขายทุกวันที่ตลาดสด ยะลา โดยจะใช้ตะแกรงสำหรับกวาด ลงไปในพื้นดินที่อยู่ใต้น้ำ เก็บหอยขมขึ้นมาใส่กะละมังใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง ก็จะได้หอยขมทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ จนเต็ม อยู่ที่ประมาณ 7-8 กก. รายได้ก็พออยู่ได้ เลี้ยงครอบครัวได้ วันละ 200-300 บาท ถ้าวันไหนโชคดีหน่อยก็จะได้ถึง 10 กก.โดยหลังจากหาหอยขมได้จนเต็มกะละมัง ก็จะนำกลับไปล้างให้สะอาด และแช่น้ำไว้ที่บ้าน พร้อมกับตัดท้ายบางส่วนไว้ขาย ในราคา กก.ละ 35-40 บาท และบางส่วนก็จะไม่ตัดขายในราคา กก.ละ 30 บาท เพื่อให้ชาวบ้านได้เลือกซื้อ สำหรับหอยขมตัวเล็ก ชาวไทยมุสลิมจะนิยมรับประทานมาก ส่วนหอยขมตัวใหญ่ชาวไทยพุทธ จะชอบรับประทาน


      สำหรับเมนูที่นิยม นำหอยขม ไปทำ ก็จะเป็นแกงคั่วหอยขม กับใบชะพลู โดยจะใส่หอยขมลงไปทั้งเปลือก เวลารับประทาน ก็จะต้องใช้แรงดูดเพื่อนำหอยออกจากเปลือก เสียงดังจุ๊บๆ ถือว่าได้ทั้งรสชาติ และความอร่อย ในการรับประทาน เป็นอย่างมาก ส่วนบางคนไม่อยากจะยุ่งยาก ก็จะแกะ เนื้อหอยขมออกมาทำแกงคั่วหอยขม ซึ่งจะได้รสชาติ ความอร่อย ที่ต่างไปอีกแบบ เรียกว่าถูกใจคนที่ชอบรับประทานหอยขมเป็นอย่างยิ่ง

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561

นราธิวาส เชิญชวนร่วมชมการแข่งขันกีฬานักเรียน-นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 40 ปี 61



       นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ตามที่ กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้จังหวัดนราธิวาส เป็นเจ้าภาพหัวหน้าเขตการแข่งขันกีฬาเขตที่ 9 ประกอบด้วย จังหวัดตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 40 ประจำปี 2561 รอบคัดเลือกตัวแทนเขตฯ ภายใต้ชื่อ กอและเกมส์ระหว่างวันที่ 1-10 พฤศจิกายน 2561 ที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อคัดเลือกเป็นนักกีฬาตัวแทนเขตฯ ส่งไปร่วมการแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 40 “นครสวรรค์ศึกษาเกมส์
จังหวัดนราธิวาส ขอเชิญชวนร่วมชมและเชียร์การแข่งขันกีฬาดังกล่าว ที่อำเภอเมืองนราธิวาส สุไหงโก-ลก สุไหงปาดี รือเสาะ และระแงะ พร้อมกันนี้ขอเชิญชวนร่วมซื้อเสื้อที่ระลึก เสื้อคู่ ราคา 500 บาทเพื่อสมทบทุนการจัดการแข่งขันฯ โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำเข้าสมทบทุน กองทุนพัฒนากีฬาจังหวัดนราธิวาส
        ทั้งนี้ หากต้องการซื้อเสื้อที่ระลึก กอและเกมส์สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนราธิวาส โทร.09-6849-1192 หรือที่สนามกีฬาเทศบาลตำบลรือเสาะ หรือโอนเงินเข้าบัญชี กองทุนพัฒนากีฬาจังหวัดนราธิวาสธนาคารกรุงไทย สาขานราธิวาส หมายเลขบัญชี 982-3-93322-7 ผู้ประสานงาน นางสาวชาดา สิมประดิษฐ์พันธุ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ โทร.08-4443-4604

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

9 วิธีง่ายๆ ดูแลตัวเองให้สวยใส แบบฉบับอิสลาม



1 ) หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ควรนวดใบหน้าก่อนอาบน้ำหรือแปรงฟันทุกครั้ง โดยเริ่มจากใต้คางค่อยๆไล่ขึ้นไปจนถึงหน้าผาก ในระหว่างที่กำลังนวดอยู่ ให้กล่าว (ซอลาวาตนบี 3 ครั้ง)  
2 ) หลังจากนวดหน้าเสร็จแล้ว ต่อด้วยการดื่มน้ำแล้วอมเป็นเวลา 10 วินาที ขณะที่กำลังอมน้ำอยู่ให้ (ซอลาวาตนบี 3 ครั้ง) จากนั้นค่อยกลืนน้ำลงไป เพราะน้ำลายจะมีเอนไซม์ที่สามารถย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารเพื่อไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้

3 ) ควรตัดเล็บหรือผมในวันที่ดีที่สุด คือวันจันทร์ พฤหัสบดี และวันศุกร์
4 ) ในขณะที่คุณกำลังแต่งตัวอยู่ จงยกมือทั้งสองข้างพร้อมกล่าว (ซอลาวาตนบี) แล้วลูบทั่วใบหน้าพร้อมเหนียตในใจว่า ยาอัลลอฮฺ ขอให้ใบหน้าของข้าพเจ้างดงามเสมือนท่านนบียูซุฟด้วยเถิดอามีน!!
 5 ) เพื่อให้ใบหน้าของเราดูอ่อนกว่าวัย ควรฝึกทำวิธีนี้ด้วยใจที่อิคลาสคือ ทุกครั้งหลังจากละหมาดซุบฮฺ ให้อ่านซูเราะฮฺยูซุฟ หลังจากนั้นให้ดื่มน้ำอุ่นตามครั้งละ 3 อึกเท่านั้น
6 ) ท่องจำซูเราะฮฺ อัล-วากีอะฮฺ อายัตที่ 35 - 38  อ่านในใจทุกครั้งในขณะที่คุณอาบน้ำ แล้วตักน้ำราดบนหัวเป็นที่แรก
7 ) ฝึกตื่นนอนเช้าๆ แล้วอาบน้ำค้างที่บริสุทธิ์ปราศจากสิ่งสกปรก โดยเริ่มจากเอาน้ำค้างมาเช็ดที่ใบหน้า ต่อด้วยผมและผิวทั่วร่างกาย น้ำค้างมีประโยชน์มากมาย สามารถทำให้ใบหน้าของเราดูสดใส

8 ) อาบน้ำในบ่อเป็นคนแรกในตอนเช้า เพราะน้ำในบ่อในช่วงเช้าเป็นน้ำที่ไร้สารตกค้าง เพราะตะกอนที่อยู่ในน้ำจะตกอยู่ใต้ก้นบ่อ การอาบน้ำในบ่อจะช่วยให้ใบหน้าแลดูสดใส อ่อนกว่าวัย
9 ) โดยปกติแล้วหลังจากที่เราตื่นนอน หน้าของเราจะมัน สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ นวดหน้า โดยการใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างตั้งไว้ใต้คาง ค่อยๆหนวดขึ้นไปที่แก้มและจมูก นวดเบาๆค่อยไล่ขึ้นไปที่หน้าผาก ฝึกทำแบบนี้เป็นประจำทุกๆเช้า ต่อด้วยการดื่มน้ำอุ่นเสมอก่อนที่รับประทานอาหารเช้าทุกครั้ง
เรียบเรียงโดย Berita muslim
แปลโดย Karimah Eman
ขอบคุณข้อมูลจาก http://beritamuslimmag.com/

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ยะลาคึกคัก ร่วมชมความสวยงามของเรือพระ ในงานประเพณีชักพระ ประจำปี 61



      วันที่ 25 ต.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศประเพณีชักพระที่ จ.ยะลา ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีพุทธศาสนิกชน จากในพื้นที่ จ.ยะลา และพื้นที่ใกล้เคียง ได้พากันนำเรือพระที่ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม จากวัดต่าง ๆ ในพื้นที่ เดินทางเข้าสู่เขตเทศบาลนครยะลา เพื่อร่วมประเพณีการชักพระประจำปี 2561 ซึ่งทางเทศบาลนครยะลาจัดงานประเพณีชักพระ ในวันที่ 2528 ตุลาคม 2561 ณ ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา รวมเรือพระจาก 4 จังหวัดภาคใต้ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลาบางส่วน กว่า 50 ลำ
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เปิดเผยว่า ประเพณีชักพระถือเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนกระทำกันหลังวันออกพรรษา 1 วัน โดยการพร้อมใจกันอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนบุษบกที่วางเหนือรถ เรือหรือล้อเลื่อน แล้วแห่แหนชักลากไปตามลำน้ำหรือตามถนนหนทาง และเป็นประเพณีที่สำคัญที่พี่น้องพุทธศาสนิกชนชาวยะลาและจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงาน และร่วมทำบุญในทุกค่ำคืนเป็นจำนวนมาก


       เทศบาลนครยะลาจึงได้กำหนดจัดงานประเพณีชักพระ ประจำปี 2561 ในวันที่ 2528 ตุลาคม 2561 ณ ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชุมนุมเรือพระจากวัดในจังหวัดยะลาและพื้นที่ใกล้เคียง ให้ประชาชน พุทธศาสนิกชน ได้ร่วมกันอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น ร่วมกันแสดงออกถึงคุณธรรม ความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และวัดซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธมากยิ่งขึ้น โดยจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ คือ ชุมนุมเรือพระ ประกวดเรือพระ พิธีสมโภชเรือพระ การประกวดขบวนแห่เรือพระ การแข่งขันตีโพน การแข่งขันกลองยาว การแข่งขันแทงต้น ซัดต้ม การแข่งขันขูดมะพร้าว การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน นิทรรศการอาหารและขนมพื้นบ้าน การแสดงของนักเรียน การแข่งขันเต้นบาสโลบ การแสดงมหรสพ และการแสดงธรรมเทศนาทุกคืน


       เทศบาลนครยะลาจึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมแข่งขันในกิจกรรมต่างๆ และร่วมงานประเพณีวันชักพระ ประจำปี 2561 ณ สนามศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา ตามวันและเวลาดังกล่าว/.
#เรือพระ #ประเพณีชักพระ #ลากพระ #ชักพระ
#เทศบาลนครยะลา #3จังหวัดชายแดนภาคใต้
#ยะลา #ปัตตานี #นราธิวาส




































โครงการ "ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี” ภายใต้แนวคิด "นราธิวาส คือ บ้าน"



       ที่โรงแรมอิมพีเรียล อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดแคมเปญการท่องเที่ยวชุมชน สร้างการรับรู้แก่สาธารณชนเชิงรุก ภายใต้โครงการ "ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี" จังหวัดนราธิวาส โดยมีนายไกรวุฒิ ช่วยสถิตย์ พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส นายบัญชา กันหาสินธุ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส นางสาวมัณฑนา ภูธรารักษ์ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดนราธิวาส นายสุไลมาน เจ๊ะแม ผู้เชี่ยวชาญด้านนำทาง และบล็อกเกอร์เจ้าของเพจ "แวรุง ไปใหน" ร่วมแถลงข่าวการจัดงานฯ


       นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า โครงการ "ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี" เพื่อส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ และก่อให้เกิดรายได้ผ่านกระบวนการท่องเที่ยวในชุมชน ที่ดึงเอานักท่องเที่ยวจากภายนอกเข้าไปเยี่ยมเยียนชุมชน เลือกชมสินค้า OTOP ในพื้นที่ และใช้บริการต่าง ๆ ในหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชน ขณะที่ ชุมชนเองจะต้องมีการพัฒนาตนเอง บนพื้นฐานอัตลักษณ์ ขนบธรรมเนียมพื้นถิ่น และวิถีชีวิตของคนในพื้นถิ่น ที่มีเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่รอทุกคนมาสัมผัสบรรยากาศด้วยตนเอง


พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า คนในชุมชนนั้นจะต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี มีมิตรไมตรี ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมที่จะประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ ให้บริการและเสริฟ์ความสุขให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนด้วยความประทับใจ และหากคนในชุมชนสามารถตอบโจทย์สิ่งเหล่านี้ได้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างพื้นที่เดินทางมาเยี่ยมเยียน และเที่ยวในชุมชนนวัตวิถีจังหวัดนราธิวาสแล้ว จะสามารถสร้างและกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชน สร้างรากฐานความมั่นคงด้านเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสให้ดีขึ้น


สำหรับประโยชน์ที่เกิดขึ้นสู่ประชาชนในชุมชน เพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนให้ดีขึ้น โดยมีแนวทางขับเคลื่อนโครงการที่สำคัญ 5 กระบวนการ ได้แก่ การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวก การพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวแต่ละท้องถิ่น รวมถึงการส่งเสริมการตลอดชุมชนท่องเที่ยว โดยมุ่งหวังให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวของหมู่บ้าน เฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10


    โดยกำหนดรูปแบบการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เป็น 3 รูปแบบ อาทิ การท่องเที่ยงเชิงวัฒนธรรม Culture การท่องเที่ยวแนวผจญภัย Adventure และการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น Local Shopping เพื่อเป็นการสร้างกระแสให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาสัมผัส "ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี" มากขึ้น สามารถพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันแก่ชุมชนจนสามารถยกระดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ได้





















วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561

พุทธ-มุสลิม ร่วมงานสมรส สร้างสัมพันธ์ วิถีพหุวัฒนธรรม


       เมื่อ 23 ต.ค.61 พระอนุรักษ์. โชติวํโส ร่วมกับประธานที่พักสงฆ์ราษฎรบำรุงธรรม. ชุมชนบาโงไอซา  บ้านไอร์สะเตียร์   ม.8  ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง  จ.นราธิวาสพร้อมคณะสงฆ์ฯ ,ประชาชนกลุ่มจิตอาสาเมืองดาหลา ,กลุ่มญาลันนันบารู อรบ.ชรบ.อปพร.อสม,ทหาร ร้อย ทพ.4815 ผู้นำท้องที่ ,ผู้นำท้องถิ่นร่วมงานฉลองมงคลสมรส ของ น.ส.นูไรดาร์ สตาปอกับนายมูฮำหมัดอัฟนันต์บารูดิน  บุตรนายซอมะ สตาปอ  ประธานกลุ่มธรรมภิบาลช่วยเหลือผู้ป่วย 
ผู้พิการ. ผู้ติดยาเสพติด   พร้อมร่วมให้การต้อนรับนางพาตีเมาะ. สะดียามู รอง ผวจ.นราธิวาสและคณะฯ ที่ให้เกียรติมาร่วมงานฯ. ณ.บ้านเลขที่ 162/1  ม.13  ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง ต่อมาวันเดียวกันพระอนุรักษ์ฯ พร้อมคณะดังกล่าวข้างต้นได้เดินทางต่อร่วมงานฉลองมงคลสมรสของ น.ส.ฮาฟีซา. ยูโซ๊ะ กับนายสุทธิพงษ์ฯ บุตรนายมันสูร. ยูโซ๊ะ. ผช.ผญ.บ./สมาชิกกลุ่มญาลันนันบารู ณ.บ้านเลขที่ 32/4  ม.8 ต.บูกิต. อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส


       โดยพระอนุรักษ์ฯ ได้ร่วมกล่าวแสดงความยินดี ในการจัดงานฉลองมงคลสมรส ดังกล่าวข้างต้น  ด้วยภาษามลายูท้องถิ่น (ยาวี) และพัฒนาสัมพันธ์กับหัวหน้าส่วนราชการประชาชนชาวไทยพุทธ - มุสลิมที่มาร่วมงานเพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ของการอยู่ร่วมกันในชุมชน.อันจะส่งผลดี ก่อให้เกิดสังคมสันติสุขพหุวัฒนธรรม. โดยมี ศปส.กอ.รมน.ภาค 4 สน. ,ฉก.นราธิวาสฉก.ทพ.48 ,ศปก.อ.เจาะไอร้อง , ผู้นำท้องที่ ,ผู้นำท้องถิ่น ฯลฯ ร่วมให้การสนับสนุน