วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563

ทหารพรานร่วมโครงการอาชาบำบัดเพื่อเด็กพิเศษในจังหวัดชายแดนภาคใต้​

          จากการบอกเล่าประสบการณ์ของ ผู้ปกครองของเด็กออทิสติกพบว่า ม้าช่วยลูกของเขาได้จริง เพราะในกลุ่มเด็กออทิสติก มักมีปัญหาด้านการควบคุมการเคลื่อนไหว การทรงตัว และการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อต่างๆ อีกทั้งเด็กกลุ่มนี้ยังมีอาการสูญเสียทางด้านสังคม และไม่สามารถมีปฏิกิริยาต่อสัมพันธภาพระหว่างบุคคลได้ ทำให้เด็กอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ติดต่อสื่อสารกับใคร ดังนั้นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยเด็กกลุ่มนี้ได้ก็คือ การพยายามดึงความสนใจ ให้รับรู้โลกภายนอก โดยมีม้าเป็นเสมือนสื่อกลางช่วยเชื่อมโยง ก่อเกิดความสัมพันธ์กับผู้อื่น เรียนรู้ที่จะสื่อสารกับโลกภายนอกมากขึ้น



          สำหรับเด็กที่มีปัญหาด้านสมาธิสั้น ก็เป็นกลุ่มที่เหมาะสำหรับการใช้ม้าในการเยียวยาบำบัด เนื่องจากอาการอยู่ไม่นิ่ง ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ทั้งการแสดงออกทางร่างกาย และอารมณ์ เด็กบางคนอาจเพียงซุกซน แต่บางคนก็ก้าวร้าว กรีดร้องโวยวาย การบำบัดด้วยการขี้ม้าจะช่วยให้เด็กมีสมาธิมากขึ้น เนื่องจากการที่จะทรงตัวอยู่บนหลังม้าได้อย่างปลอดภัยนั้น ต้องอาศัยสมาธิสูงมาก อีกทั้งม้าเป็นสัตว์ฉลาด สามารถรับรู้ความรู้สึกของผู้ขี่ได้ หากผู้ขี่มีอารมณ์ก้าวร้าวฉุนเฉียว ม้าก็จะแสดงอารมณ์ออกมาในลักษณะเดียวกัน💯📍 ในทางกลับกันหากผู้ขี่นั่งบนหลังม้าด้วยท่วงท่าที่สบายๆ และมีความมั่นใจ ม้าก็จะผ่อนคลายและเชื่อฟังคำสั่งอย่างดี ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ เด็กออทิสติก หรือเด็กสมาธิสั้น ขึ้นไปอยู่บนหลังม้าได้แล้ว เขาก็จะต้องเรียนรู้ที่จะมีวินัยในตนเอง รู้จักควบคุมทั้งร่างกายและอารมณ์ของตัวเอง ไม่แสดงนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง หรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง จากข้อมูลดังกล่าว กองร้อยทหารพรานที่ 4409 จึงได้ร่วมกับ ผู้นำชุมชน,ผู้นำศาสนา,ผู้นำท้องที่,ผู้นำท้องถิ่น ดำเนินโครงการ อาชาบำบัด เพื่อช่วยบำบัด กระตุ้น การตอบสนองทางร่างกายของเด็กพิเศษ และเด็กที่มีปัญหาด้านสมาธิสั้น โดยใช้ม้าในการบำบัด ซึ่งปัจจุบัน มีเด็กพิเศษ เข้าร่วมโครงการ จำนวน 163 คน เป็นเด็กชาย 95 คน เด็กหญิง 45 คน ผู้ใหญ่ 6 คน และบุตรหลานกำลังพล 17 คน โดยจะทำการบำบัด ในช่วงเวลา 07.0012.00 น. ของทุกวัน



          การพบกันครั้งแรกๆ ระหว่างเด็กกับม้า ย่อมเกิดความกลัวเป็นธรรมดา ยิ่งโดยเฉพาะเด็กออทิสติก และเด็กสมาธิสั้น กว่าจะเกิดความคุ้นเคยกันระหว่างเด็กกับม้าต้องอาศัยเวลา และความอดทนสูง ประโยชน์จากม้าเป็นสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กออทิสติกที่จะได้ทำกิจกรรม อาชาบำบัดโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย การจัดกิจกรรมอาชาบำบัด ของ กองร้อยทหารพรานที่ 4409 เริ่มต้นด้วยกิจกรรมอุ่นเครื่องเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายด้วยเกมการเรียนรู้ และด่านทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ให้เหตุผลว่า ก่อนที่จะให้เด็กได้สัมผัสกับการขี่ม้า จำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมให้กับเด็กเสียก่อน ทั้งการพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็ก การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ ฝึกการคาดคะเน ฝึกการทรงตัว ฝึกความถนัดในการใช้มือซ้าย และ ขวา ฝึกการใช้จินตนาการและแยกแยะสี เป็นต้น หลังจากนั้นเด็กๆ จะได้ทดสอบสมรรถภาพของร่างกายด้วยการ วิ่งผลัด วิ่งซิกแซ๊ก วิ่งถอยหลัง วิ่งสไลด์ข้าง การม้วนตัว การหลบหลีกจากสิ่งอันตราย การรับส่งบอล การโหนบาร์เดี่ยว เป็นต้น



             ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้แน่นอนว่าเด็กไม่สามารถทำได้ดีในครั้งแรก แต่เมื่อใดรับการฝึกฝนอยู่เป็นประจำ เขาก็จะค่อยๆพัฒนาได้เอง อาชาบำบัด ถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่หลายประเทศนำมาใช้ฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจเด็ก ไม่เฉพาะเด็กพิเศษเท่านั้น เด็กปกติทั่วไปก็มาฝึกได้ ซึ่งผู้ปกครองอาจจะมองว่ายากสำหรับลูกหลาน แต่เมื่อได้รับการฝึกอย่างถูกวิธี และมีพ่อแม่คอยเอาใจใส่ให้ความรักแก่เขา เราก็จะได้เห็นพัฒนาการด้านทักษะ และความสุขของเด็กจากการขี่ม้า เชื่อว่ามาครั้งแรกต้องมีครั้งต่อไป
และนี้คือการพัฒนาจากฐานราก ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า เด็กในวันนี้จะเติบโตเป็นอนาคตของชาติในวันหน้า โดยเฉพาะเด็กที่มีความต้องการการดูแลเป็นพิเศษเหล่านี้ หากพวกเขาสามารถดูแลตัวเองได้ สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติต่อไป




วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563

ผ้าทอกระแสสินธุ์ ศิลปหัตถกรรมงานทอที่มีเสน่ห์จากรุ่นสู่รุ่น

         กลุ่มทอผ้ากระแสสินธุ์ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา เป็นความร่วมมือของคนในชุมชนที่รวมตัวกันทอผ้า โดย ผ้าทอกระแสสินธุ์เป็นศิลปหัตถกรรมงานทอที่มีเสน่ห์ผ่านกระบวนการคิดสร้างสรรค์สั่งสมบ่มเพาะพัฒนาการการทอจากรุ่นสู่รุ่น เป็นผ้าทอที่ได้รับอิทธิพลมาจากผ้าทอเกาะยอ มีลักษณะเส้นใยฝ้ายที่มีเนื้อแน่น โดยงานทอผ้าของชุมชน เริ่มต้นจากผ้าทอขัดสานแบบเรียบง่าย ลวดลายไม่ซับซ้อน เช่น ผ้าดุง ผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้า ผ้าพื้น ผ้ายกดอก และมีลายอัตลักษณ์ของกลุ่มที่สวยงามโดดเด่น คือ งานทอผ้าลายพวงชมพู และมีการตัดเย็บผ้าปาเต๊ะ เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป



          สมาชิกกลุ่มผ้าทอส่วนมากเป็นสมาชิกอาวุโส มีการรวมกลุ่มกันทอผ้าหลังจากเสร็จจากอาชีพหลักทางการเกษตรในช่วงเช้า และมีการยกระดับผลิตภัณฑ์ในรูปแบบผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติจากพืชในพื้นที่ ในการหันมาอนุรักษ์สืบสานงานทอผ้า และการพัฒนาผ้าทอกระแสสินธุ์ต่อไปในอนาคต



           สำหรับการเรียนรู้งานมัดย้อมจากพืชธรรมชาติมีอยู่ในพื้นที่ อาทิ เพกา ตาลโตนด ขนุน จำปาดะ ฯลฯ ซึ่งกลุ่มทอผ้าสามารถดำเนินการผลิตได้ด้วยตนเอง อาทิ ชุดเดรสลำลอง กระเป๋า หมวก ฯลฯ การยกระดับพัฒนา ผลิตภัณฑ์สู่การสร้างมูลค่าเพิ่ม และรายได้เพิ่มให้กับกลุ่มทอผ้า และชุมชนอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในการร่วมสืบสานอนุรักษ์งานศิลปหัตถกรรมงานทอในคาบสมุทรสทิงพระให้คงอยู่ต่อไป




วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2563

คลายร้อนด้วยบิงซู 29 บาท ที่ยะลา ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคปัจจุบันก็ฟินได้

         ร้านบิงซู ในพื้นที่จังหวัดยะลา ร้านนี้เปิดได้เพียง 2 เดือน แต่ได้รับการตอบรับจากลูกค้ากันอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะ นักเรียน นักศึกษา ถึงขนาดต้องแจกบัตรคิวให้ลูกค้ากันเลยทีเดียว ด้วยราคาที่ถูกเพียงแค่ 29 บาทเท่านั้น ราคาไม่แรง จ่ายน้อย นักเรียนก็กินได้ ผู้ใหญ่กินดี ตอบโจทย์ยุคเศรษฐกิจแบบนี้ได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่เข้ามายะลาแล้ว มองหาของอร่อยในราคาไม่แพง...ต้องที่นี่เลย...ร้าน Vita Café ตั้งอยู่ที่ตลาดเก่ายะลา ซอยสิโรรส14 ใกล้หอนาฬิกา ทางไปโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ หรือมัสยิดกลางของจังหวัดยะลา



          คุณสูวีตา กียะ หรือ กะวีต้า  เจ้าของร้าน Vita Cafe' เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภาคใต้ชายแดนว่า ที่มาของร้าน Vita Cafe เกิดจากความฝันของตนที่อยากจะมีร้านนั่งเล่นแบบชิลล์ๆและร้านอาหารเป็นของตนเอง และเมื่อโอกาสมาถึงก็รีบคว้าทันที เมื่อมีคนต้องการเซ้งร้านตนจึงรับซื้อต่อ จากนั้นได้มีการปรับปรุงพัฒนาร้านให้เป็นในรูปแบบที่ตนชอบ ซึ่งไอเดียการตกแต่งภายในร้านนั้นออกแนวญี่ปุ่น โดยนำดอกซากุระมาประดับตกแต่งในร้านเพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาในร้านได้รู้สึกสดชื่นและสบายตา พร้อมทั้งได้ถ่ายรูปเซลฟี่เก็บเป็นภาพประทับใจ สำหรับการเปิดร้าน Vita Cafe  นั้น กะวีต้า กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากเปิดร้านตามความฝันของตัวเองแล้วก็อยากเปิดโอกาสให้ผู้คนในพื้นที่ได้มีงานทำอยู่ใกล้ๆบ้านด้วย ไม่จำเป็นต้องไปทำงานต่างที่ต่างถิ่น หรือต่างประเทศ เป็นการสร้างโอกาสให้คนในพื้นที่ได้มีงานมีรายได้



          ในส่วนของเมนูที่ร้าน Vita Cafe' ที่นี่เน้นเรื่องราคาที่ถูก ประหยัด ไม่แพงมาก เป็นราคาที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้ มีเมนูบิงซูที่หลากหลายรสชาติ หลากหลายรูปแบบ และมีความอร่อยที่แตกต่างกันไป เช่น บิงซูกล้วย บิงซูมะม่วง บิงซูสตรอว์เบอร์รี บิงซูกีวี่ บิงซูแตงโมง บิงซูบราวนี่ บิงซูไมโล บิงซูช็อกโกแล็ต บิงซูฝอยทอง เป็นต้น ส่วนเมนูบิงซูที่ฮอตในร้าน คือ บิงซูมะม่วง, บิงซูช็อกโกแล็ต, บิงซูสตรอว์เบอร์รี, และบิงซูบราวนี่ โดยมี 2 ราคาด้วยกัน ถ้าหากลูกค้ารับประทานบิงซูคนเดียวสามารถสั่งได้ในราคา 29 บาท ส่วนลูกค้าที่รับประทานหลายคน สามารถสั่งได้ในราคา 59 บาท นอกจากเมนูบิงซูแล้วทางร้านยังมีเมนูอีกมากมายทั้ง โรตี ส้มตำ ยำ อาหารตามสั่ง ในราคาถูกลูกค้าเลือกรับประทานได้



          ทางด้าน ด.ญ. ฮัสมานีย์ นิมิ  ลูกค้าในร้าน  Vita Cafe' เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า ร้านนี้เมนูบิงซูเป็นที่ถูกใจเป็นอย่างมาก และราคาเหมาะกับเด็กๆอย่างพวกเรา ช่วงในวันหยุดและอากาศร้อนๆแบบนี้ได้มานั่งชิลล์ๆในร้านนี้รู้สึกสบายใจ มาร้านนี้หลายครั้งแล้ว และเมนูบิงซูที่ชอบสั่ง คือ บิงซูช็อกโกแล็ต ส่วนเพื่อนอีกคนชอบสั่งบิงซูสตอรว์เบอร์รี เพราะบิงซูที่ร้านนี้ทั้งอิ่ม และอร่อย ราคาก็ถูกเพียง 29 บาทเท่านั้น



           สำหรับท่านใดที่ยังไม่เคยลองชิมบิงซูในราคาที่ถูก อร่อย กลมกล่อมในยุคเศรษฐกิจไทยปัจจุบันนี้สามารถไปได้ที่ ร้าน Vita Cafe' ตั้งอยู่ที่ตลาดเก่ายะลา ซอยสิโรรส 14 ใกล้หอนาฬิกาทางไปโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ หรือมัสยิดกลางของจังหวัดยะลา ร้านเปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด เปิดตั้งแต่เวลา 11.00 – 21.00 น. สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊คเพจ : Vita Cafe' หรือจะโทรสอบถามที่นั่งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 093–7611604

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563

ร้านโรตีสไตล์ Minimal loft บรรยากาศดี ใต้ร่มไม้ใหญ่ จ.ปัตตานี

         เป็นครั้งแรกที่เรา ล่องใต้ชายแดน ได้มีโอกาสมาสัมผัสบรรยากาศร้านโรตีที่ให้ความเป็น Minimal ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติทั้งๆที่อยู่ใจกลางเมือง แค่ก้าวเท้าเข้ามาก็รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน เหมือนได้เวลาปรับจูนตัวเองเบาๆ และเมนูอาหารแต่ละอย่างที่นี่เขายกอาหารแบบเน้นเกรดพรีเมี่ยมในราคาที่ใครก็ทานได้ เราเลยอยากให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัสกัน ที่นี่เพิ่งเปิดได้ไม่นานแต่เชื่อไหมคะว่าผลตอบรับจากลูกค้าดีมากๆ



         ร้าน Roti de forest เป็นร้านอาหารที่อยู่ใจกลางเมืองปัตตานี เปิดมาได้แค่ 2 เดือน แต่ลูกค้าเข้ามาเช็คอินไม่ขาดสาย การตกแต่งร้านเป็นแบบมินิมอลลอฟท์ (Minimal loft) ใช้ปูนเปลือยเพื่อให้มีความรู้สึกว่าเป็นพื้นที่สะอาด ดูโล่ง และสบายตา ร้านนี้แตกต่างจากร้านทั่วๆไปเพราะเปิด 2 ช่วงเวลา ช่วงเช้าเวลา 06.30 -12.00 น.  และช่วงเย็นเวลา 17.00 - 23.00 น. ซึ่งแต่ละช่วงนั้นให้บรรยากาศที่แตกต่างอย่างกับมีสองร้านในที่เดียวยังไงอย่างนั้นเลย ของแบบนี้อย่าพึ่งเชื่อจนกว่าจะได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้นค่ะ กว่าจะมาเป็นร้าน Roti de forest คุณมูฮัมหมัดฟาห์มี ตาเละ (เจ้าของร้าน) ได้ให้สัมภาษณ์กับล่องใต้ชายแดนว่า เดิมไม่ได้ทำธุรกิจด้านอาหาร อาชีพเดิมเป็นหมอและเป็นอาจารย์อยู่ที่คณะพยาบาล มีเวลาว่างบ้างหลังเลิกงาน ซึ่ง 6 เดือนที่แล้วได้เปิดร้านอาหารชื่อ Five star จึงเริ่มได้ความรู้จากการทำร้านอาหารเลยคิดที่จะเปิดร้านที่ 2 ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ร้านเก่าที่นี่ย้ายออกไป และเห็นว่าที่นี่มีทำเลดี มีต้นไม้ใหญ่ มีสวนที่สามารถประยุกต์ต่อได้ จึงคิดที่จะเปิดร้านอาหารที่สามารถขายได้ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น เป็นอาหารที่สามารถทานได้ทั้งเช้าและเย็น และเป็นวัฒนธรรมของคนที่นี่จึงได้เปิดเป็นร้านโรตีนี้ขึ้นมา



        หลังจากที่ได้เข้ามาที่ร้าน ก็มีเวลา 30 วันตามแผนที่จะรีโนเวท (เปิดร้าน) เลยเริ่มซ้อมทำโรตีด้วยตัวเอง ทดลองสูตรไปเรื่อยๆจนได้สูตรโรตีขึ้นมา หลังจากนั้นจึงเติมด้วยเมนูอื่นๆ พยายามทำให้เป็นจุดที่คนมาทานอาหารเช้าได้ก่อนไปทำงาน ส่วนตอนเย็นนั้นให้คนสามารถมาผ่อนคลายเป็น Café แบบ Relax ด้วย บรรยากาศแบบป่า สามารถมาพบปะพูดคุยสังสรรค์กัน ส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบทาน ชอบชิม และมีโอกาสได้เดินทางบ่อยๆ จึงมักจะตระเวนไปทาน ไปชิมอาหารจากที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ ได้ทานอาหารดีๆก็เลยอยากทำให้คนปัตตานีได้ทานอาหารดีๆด้วย จากนั้นก็พยายามพัฒนาให้โรตีมีความอร่อย มีความกรอบนอกนุ่มใน ปกติแล้วเป็นคนชอบทานโรตีมาตั้งแต่เด็กจะมีลิสต์ในใจว่าโรตีที่ดีที่สุดที่เคยทานมีรสชาติเป็นแบบไหน พยายามเอามารวมๆกัน จึงทราบว่าถ้าโรตีที่ดีต้องกรอบนอก นุ่มใน ไม่อมน้ำมัน หากทำได้แบบนี้จะมีความสุขมาก สุดท้ายพอได้ทำแล้วมันออกมาดีก็ดีใจเพราะกว่าจะได้สูตรการทำโรตีมาก็ใช้เวลาซ้อมมานานประมาณ 1 เดือน เพื่อส่วนผสมที่คิดว่าดีที่สุด



         มาดูเรื่องเมนูอาหารของแต่ละช่วงกันบ้างค่ะ ที่นี่มีความแตกต่างกัน โดย เมนูช่วงเช้า จะมีนาซิดาแฆ ข้าวยำอัญชัน ข้าวต้มปลาอินทรีย์ โรตีมะตะบะ โดยโรตีมะตะบะนั้นมีความฟินมากๆ เพราะเขาใช้เนื้อบดออสเตรเลีย ทางร้านลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะได้รสชาติที่แตกต่างให้ลูกค้าได้ลิ้มรสสัมผัสของเนื้อวัวแบบถึงเนื้อถึงรส ส่วน เมนูช่วงเย็น จะต่างกับช่วงเช้าเพราะจะไม่มีนาซิดาแฆ และข้าวยำ แต่จะมาแทนที่ด้วยเมนูยำต่างๆ และอาหารจานเดียวที่มีอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือ ข้าวผัดกะเพาเนื้อโคขุน+ไข่ดาว คอนเฟิร์มว่าดีที่สุดและอร่อยที่สุดแน่นอน และนอกจากนี้จะเป็นอาหารทานเล่น เช่น กือโป๊ะ เอ็นไก่ ไก่จ๊อ เป็นต้น ในส่วนของเครื่องดื่มจะมี ชานมสด ชานมแพะ นมสดร้อน กาแฟสดและเมนูเครื่องดื่มอื่นๆ



          เมนูแนะนำของที่นี่ที่มาแล้วต้องสั่ง ยกให้นี่เลยค่ะ โรตีแกงมัสมั่นเนื้อ โดยโรตีแกงมัสมั่นเนื้อหากเป็นแบบดั้งเดิมแล้วเป็นเครื่องเทศของประเทศอินเดียซึ่งมีกลิ่นแรง แต่ทางร้านก็จะลดกลิ่นเครื่องเทศลงมาให้มีรสชาติที่ถูกปากกับคนที่นี่ ทานคู่กับเครื่องดื่มอย่าง ชาเย็น ชาร้อน และชานมสดเย็น เข้ากันมากๆ วัตถุดิบที่ทางร้านเลือกใช้ในส่วนของอาหารทะเลนั้นจะรับมาจากในพื้นที่ ส่วนเนื้อวัวจะนำมาจากกรุงเทพฯ จากฟาร์มโคขุนโดยตรงเพราะอยากให้ลูกค้าได้ทานเนื้อที่ดี แอดคอนเฟิร์มว่าเนื้อวัวเขาดีจริงๆค่ะเพราะลองชิมมาแล้ว เนื้อนุ่ม เนื้อแน่น เนื้อเน้นๆทานแล้วเต็มปากเต็มคำสุดๆไปเลยค่ะ
ร้าน Roti de forest เปิดให้บริการทุกวันช่วงเช้าเวลา 6.30-12.00 น. และช่วงเย็นเวลา 17.00-23.00 น.

ที่อยู่:148/233 ถนนสามัคคีสาย ข. ต.สะบารังเทศบาลเมืองปัตตานี

(เยื้องปั้มน้ำมันถนนโรงเหล้าสาย ข.)

พิกัดร้าน: https://goo.gl/maps/rtE3aS1GJQ55jJ8d9

สามารถโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 0954622792

หรือติดตามร้านทาง FB Page : Roti de Forest

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563

ใบไม้มงคลสีทอง มหัศจรรย์ความงามของไทย ที่เป็นอย่างเดียวในโลก

         ใบไม้มงคลสีทอง มหัศจรรย์ความงามตามธรรมชาติของไทย ที่เป็นหนึ่งเดียวในโลก โดยต้นใบไม้สีทองมีชื่อตามท้องถิ่นว่า ย่านดาโอ๊ะถูกค้นพบว่าเป็นพันธุ์ไม้หายากชนิดใหม่ของโลก พบครั้งแรกโดย ดร.ชวลิต นิยมธรรม ที่น้ำตกปาโจ จังหวัดนราธิวาส ในปี พ.ศ. 2532 ตามหลักฐานการค้นคว้าและวิจัยของ ศาสตราจารย์ไคลาร์เซน นักพฤกษศาสตร์ชาวเดนมาร์ก


          ใบไม้สีทอง เป็นไม้เถาเนื้อแข็งขนาดใหญ่ มีมือเกาะม้วนงอ เลื้อยขึ้นไปคุลมตามเรือนยอดของต้นไม้ใหญ่ ใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับรูปเกือบกลม ปลายใบหยักเว้าเป็นแฉกลึก 2 แฉก โคนใบเว้าหยักคล้ายรูปหัวใจ ใบอ่อนมีขนสีน้ำตาลแดง หรือขนสีทองแดงเป็นมันคล้ายเส้นไหมปกคลุมหนาแน่น ลักษณะเหมือนกำมะหยี่


         อาจารย์สมมาตร ดารามั่น ผู้ริเริ่มนำใบไม้สีทองมาทำเป็นสินค้าที่ระลึก เล่าว่า ของที่ระลึกใบไม้สีทองเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้คิดออกแบบขึ้นมาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ใบไม้สีทองเป็นพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งที่ขึ้นอยู่ในแถบจังหวัดนราธิวาส ค้นพบครั้งแรกที่อำเภอบาเจาะ ด้วยความสวยงามของใบไม้สีทองและเรื่องราวที่น่าสนใจ จึงเป็นแรงบันดาลใจที่อยากนำใบไม้สีทองมาทำเป็นของที่ระลึก โดยจังหวัดนราธิวาสมีของดีหลายๆอย่างที่น่าสนใจ ประกอบกับมูลค่าของการซื้อสินค้าของนักท่องเที่ยวมีถึงร้อยละ 40 จึงได้ออกแบบใบไม้สีทองให้เป็นของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนภาคใต้และจังหวัดนราธิวาส


          ต้นใบไม้สีทองจะมีความน่าสนใจ เนื่องจากมีการเปลี่ยนของสีใบถึง 3 สี คือ สีนาค สีเงิน และสีทอง ในฤดูร้อน,ฤดูฝน จะมีสีทอง และฤดูหนาวจะมีสีเงิน ทำให้ต้นใบไม้สีทองกลายเป็นใบไม้มงคลตามความเชื่อ และต้นใบไม้สีทอง จะปรากฏใบไม้สีทองต้องมีอายุมากกว่า 5 ปี โดยต้นใบไม้สีทองหรือย่านดาโอ๊ะ เป็นพืชที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี สามารถปลูกได้เกือบทุกที่แต่อาจมีใบหรือสีของใบไม่เหมือนกัน


        ด้วยความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ และความมหัศจรรย์หนึ่งเดียวในโลก ประกอบกับความเชื่อว่าใบไม้สีทองเป็นใบไม้มงคล จึงมีการนำมาจัดตกแต่งเป็นกรอบรูปอย่างสวยงาม และพัฒนาเป็นสินค้า OTOP ขึ้นชื่อของจังหวัดนราธิวาส📍 จากจุดเริ่มต้นตามแนวคิดของอาจารย์สมมาตร ดารามั่น ผู้ริเริ่มนำใบไม้สีทองมาทำเป็นสินค้าที่ระลึก จนปัจจุบันได้กลายเป็นอาชีพหนึ่งที่ได้รับความสนใจ ทำให้มีการจำหน่ายใบไม้สีทองเป็นของที่ระลึกมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนที่สนใจสามารถเลือกซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกได้ตามความชอบ มีการพัฒนารูปแบบจากเดิมเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด แต่การนำใบไม้สีทองมาใช้ประโยชน์ต้องทำอย่างถูกต้อง จึงต้องเรียนรู้อย่างเข้าใจเพื่อนำมาใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งจะเป็นการใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ เป็นการพึ่งพิงซึ่งกันและกัน  ทั้งยังช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปรู้จักใบไม้สีทองอย่างแพร่หลาย นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวนราธิวาสที่มีใบไม้สีทองเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ บนความเกื้อกูลระหว่างการอนุรักษ์ สู่การต่อยอดพัฒนาอย่างยั่งยืน




วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563

Chaba Roti & Coffee จ.ปัตตานี เสิร์ฟโรตีแบบยกชุด อิ่มจบที่เดียว

         ตื่นเช้ามาสูดอากาศบริสุทธ์เต็มปอดก็ว่าฟินแล้ว ถ้าได้ทานโรตีกับชาเข้มๆคงจะฟินขึ้นไปอีก ไหนใครเป็นสายชอบทานโรตียามเช้าเหมือนแอดบ้าง วันนี้ ล่องใต้ชายแดน จะชวนทุกคนไปทานโรตีกันค่ะ อ่ะๆบอกก่อนเลยน๊า..หากถึงมือล่องใต้ชายแดนแล้ว โรตี ที่ว่านี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะวันนี้เราจะพาไปฉีกกฎร้านโรตีแบบเดิมๆ เป็นโรตีแบบยกชุด!! รับรองว่าอิ่ม อร่อย จบในที่เดียวค่ะ



        และร้านโรตีที่เราพามารู้จักในวันนี้ ก็คือ  ร้าน Chaba Roti & Coffee ร้านนี้อยู่ใกล้กับ อบต.บานา ตำบลบานา อำเภอเมืองปัตตานี เยื้องๆกับตลาดนัด(นานาชาติ)บานา เปิดมาแค่ 2 ปี แต่คนแน่นร้านทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดาหรือวันหยุด บางวันถึงกับต้องรับบัตรคิวกันเลยทีเดียว การตกแต่งร้านจะตกแต่งแบบมลายูโมเดิร์น ออกแนวลอฟท์ เพื่อจะอนุรักษ์ความเป็นมลายูไว้ บรรยากาศของร้านก็จะร่มรื่นด้วยต้นไม้ ลมพัดเย็นๆ นั่งเพลินจนลืมเวลาไปเลยค่ะ



        และความไม่ธรรมดาที่เราอยากให้ลองก็คือ เมนูโรตีชุด ซึ่งใน 1 ชุดก็จะประกอบด้วย โรตี + น้ำแกง + ไข่ดาว + เครื่องเคียง ซึ่งทางร้านจะมีแป้งโรตีให้เลือกทานถึง 4 รสชาติด้วยกัน นั่นคือ โรตีแป้งธรรมดา โรตีแป้งใบเตย โรตีแป้งโฮลวีต และโรตีแป้งชาโคล ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกทานได้ตามใจชอบ แอดได้ลองทานแล้วบอกเลยว่าโรตีที่นี่อร่อย นุ่ม และไม่อมน้ำมันด้วย สำหรับเมนูที่ใครๆต่างก็ชอบสั่งจนร้านยกให้เป็นเมนูแนะนำนั่นคือ โรตีชุดน้ำแกงประเภทโรตีโฮลวีตแกงเนื้อไข่ดาว และโฮลวีตแกงถั่วไข่ดาว อันนี้บอกเลยว่าโดนใจสุดๆ



         นอกจากเมนูโรตีแล้ว ก็จะมีเมนูอื่นๆให้เลือกทานอีกมากมาย เช่น ข้าวต้ม ข้าวเหนียวเนื้อย่าง ปอเปี๊ยะสลัดชีสกุ้งสด และนาซิดาแฆ เป็นต้น ซึ่งนาซิดาแฆเป็นเมนูใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานได้รับสูตรมาจาก อ.รามัน จ.ยะลา เชียวนะ

        ไม่ว่าจะเป็นคอชาหรือคอกาแฟก็ถูกใจ เพราะมีหลากหลายให้เลือก เช่น กาแฟสด ชาเย็น โกโก้ และเครื่องดื่มจากนมแพะ เช่น ชานมแพะ กาแฟนมแพะ ซึ่งที่นี่เขาใช้นมแพะสดๆจากฟาร์ม ทำให้รสชาติที่ได้หอมหวาน กลมกล่อม ละมุนลิ้นสุดๆ ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ทางร้านคัดเลือกวัตถุดิบในชุมชนเพื่อที่จะสามารถสร้างงานสร้างอาชีพให้กับชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย



          และสิ่งที่เราทึ่ง!! มากกว่าการได้กินโรตีหรือจิบชาร้อนๆ นั่นก็คือการได้เป็นส่วนหนึ่งในการเข้าร่วมโครงการ “1 แก้ว 1 บาท เพื่อเด็กกำพร้าและผู้ยากไร้   โดยร้าน Chaba Roti & Coffee เขามีโครงการนี้เพื่อส่งต่อให้กับเด็กๆกำพร้า เพียงแค่ลูกค้ามาทานน้ำที่ร้าน 1 แก้ว ทางร้านจะหักออก 1 บาท และในทุกๆเดือนจะหักไปบริจาค 2 ทุน และทุกๆ 3 เดือนจะเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าครั้งใหญ่ ซึ่งเขาทำมาแบบนี้ตั้งแต่เปิดร้านจนมาถึงปัจจุบัน นอกจากอิ่มอร่อยแล้ว ยังอิ่มบุญ อิ่มใจด้วย

         สำหรับใครที่สนใจอยากจะมีร้านโรตีเป็นของตนเอง ร้าน Chaba Roti & Coffee ก็มีแฟรนไชส์เปิดขายให้กับผู้ที่สนใจด้วยนะ สามารถติดต่อสอบถามได้ทางเพจร้านหรือที่เบอร์โทรศัพท์ 062-2255185

ร้าน Chaba Roti & Coffee ตั้งอยู่ตำบลบานา อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี 

ใกล้กับ อบต.บานา เยื้องๆกับตลาดนัด(นานาชาติ)บานา

เปิดบริการตั้งแต่เวลา 06.30 – 13.00 น. (ร้านหยุดวันพุธ)

พิกัด : https://goo.gl/maps/LNGuwmpCFFPLgGR86

สามารถติดตามทางเพจเฟสบุ้ค : Chaba Roti & Coffee

หรือโทรมาจองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่เบอร์ : 062-0722010

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563

จิบกาแฟ แลถ้ำคอกของดีคู่เมืองสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา

        บ้านถ้ำตลอด ตำบลเขาแดง อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา จุดเช็คอินแห่งใหม่ ภายใต้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ มองเขา แลถ้ำ ที่มีจุดเด่น เกษตรผสมผสานรักบ้านเกิด พร้อมทั้งกาแฟที่มีให้เลือกหลากหลายรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นแบบร้อน เย็น หรือปั่น ที่มีจุดเด่น รสชาติกลมกล่อม เข้มข้น และกลิ่นหอม เป็นจุดขาย ที่นำไปสู่การพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาชิมกาแฟ พร้อมบรรยากาศ ชิล ชิล



        นายจีรวัฒน์ นุ่นศรี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกาแฟดำถ้ำคอก กล่าวว่า กาแฟถ้ำคอก เป็นกาแฟที่มีอายุกว่า 300 ปี โดยได้มีต้นพันธุ์โบราณอยู่ที่ ถ้ำคอก ซึ่งเป็นถ้ำที่หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ ได้ใช้เป็นที่นั่งวิปัสสนาระหว่างการเดินทางธุดงค์ ระหว่างประเทศไทย กับ เมืองไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย สันนิษฐานว่า กาแฟที่มีอยู่อาจปลูกในช่วงที่ หลวงปู่ทวดมานั่งวิปัสสนา ณ บริเวณถ้ำคอก บ้านถ้ำตลอด ตำบลเขาแดง อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา😍 ซึ่งปัจจุบัน กาแฟดำถ้ำคอก กาแฟดีคู่เมืองสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา มีสมาชิกในกลุ่มที่รวมตัวกัน ทั้งหมด 12 คน ปลูกต้นกาแฟถ้ำคอก ซึ่งเป็นกาแฟพื้นเมืองของ อำเภอสะบ้าย้อย เพื่อนำมาสร้างและพัฒนาชุมชนให้เป็นจุดเช็คอิน ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้ามาท่องเที่ยว เยี่ยมชม และอุดหนุนกาแฟดำถ้ำคอก เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้คนในชุมชนมากที่สุด เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น



         สำหรับผู้ที่สนใจที่จะเข้ามาบริโภคกาแฟดำถ้ำคอก ในราคาที่เป็นกันเอง สามารถติดต่อสอบถามได้ตามที่อยู่ 23/3 หมู่ที่ 6 บ้านถ้ำตลอด ตำบลเขาแดง อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา หมายเลขโทรศัพท์​ 084 398 5689