วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

“กุเลา ตันหยงเปาว์” สันติภาพกินได้


ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติคือ ความมั่นคงทางอาหาร ที่มีอย่างมากมายในพื้นที่ชายแดนใต้ ดัง ปลากุเลา บ้านตันหยงเปาว์” ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ที่ผลิตไม่ทันความต้องการและเพิ่มมูลค่าด้วยภูมิปัญญาดั้งเดิม สร้างงาน สร้างรายได้แก่เครือข่ายประมงและชุมชนได้อย่างน่าภูมิใจ นำไปสู่วิธีการแปรรูปอาหารชั้นเลิศซึ่งถูกจัดว่าเป็น ราชาแห่งปลาเค็ม

บ้านตันหยงเปาว์เป็นชุมชนติดทะเล มีพื้นที่คล้ายเกาะ หน้าบ้านมีทะเลอ่าวไทยยาวออกไปส่วนด้านหลังมีคลองโอบล้อมหมู่บ้านเอาไว้จากความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ มีสัตว์น้ำมากมายชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีของชาวบ้านบ้านตันหยงเปาว์ จนปี 2532 ถึงปัจจุบัน พวกเขาต้องต่อสู้กับนายทุนที่ทำการประมงแบบผิดกฎหมายอย่างอวนรุนมาตลอด ทรัพยากรทางทะเลถูกทำลายไปเกือบหมด ทำให้ชาวบ้านต้องต่อสู้อย่างจริงจังแบบ สันติวิธีจนได้ผลอย่างน่าพอใจ ทะเลฟื้นตัวและมอบความอุดมสมบูรณ์ให้พวกเขาอีกครั้ง ปัจจุบันอวนลากมีปริมาณที่ลดลง ปลาที่หายไป อย่าง กุเลาเริ่มกลับมาให้เห็นและพลิกฟื้นความสมบูรณ์ทุกอย่างให้กลับคืนมา


จากเดิมที่ชาวประมงแห่งบ้านตันหยงเปาว์จับปลาได้ก็นำไปขายเป็นปลาสด ส่งออกไปยังจังหวัดใกล้เคียง คือจังหวัดนราธิวาส ซึ่งขายได้เพียงกิโลกรัมละ 250 บาท เมื่อมีการรวมกลุ่มกันในลักษณะวิสาหกิจชุมชน จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาและแปรรูปสินค้าด้วยตนเองเป็นสินค้าโอรังปันตัยหรือชาวเล คือ ปลากุเลาเค็มกางมุ้งรวมกลุ่มเครือข่ายชุมชนประมงพื้นบ้านจำนวน 52 หมู่บ้านเรือกว่า 2,900 ลำ ชาวประมงกว่า 83,000 คน รองรับการประกอบธุรกิจชุมชน โดยได้รับความร่วมมือจากนักวิชาการท้องถิ่นและภาครัฐในการยกระดับสินค้าเพิ่มมูลค่าสร้างมาตรฐานในการผลิต ผลิตภัณฑ์ประมงแปรรูป โดยยังคงมีเรื่องราวความเป็นมากระบวนการผลิตและแปรรูปที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น การได้มาของวัตถุดิบปลากุเลาสดจากท้องทะเลสู่กระบวนการแปรรูป โดยแขวนปลาให้สะเด็ดน้ำ นวดเนื้อปลาเพื่อความนุ่ม ละเอียด เป็นเนื้อเดียว บ่มเพาะทักษะและความชำนาญจากรุ่นสู่รุ่น


นายมูหามะสุกรี มะสะนิง นายกสมาคมประมงพื้นบ้านจังหวัดปัตตานี บอกว่า ทุกวันนี้ปลากุเลาของบ้านตันหยงเปาว์ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแม้ว่ามีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 1,500-1,700 บาท ตัวละ 1-2 กิโลกรัม ทางสมาคมชาวประมงฯ บ้านตันหยงเปาว์ ยังเป็นที่รับซื้ออาหารทะเลสดจากกลุ่มสมาชิกประมงเพื่อไปจำหน่ายยังพื้นที่ต่างๆ ทั้งในและนอกพื้นที่ เมื่อมีปลาสดมาส่งต้องดูว่าใครเอามาขาย มีวิธีการจับอย่างไร เพื่อให้เป็นมาตรฐานที่แท้จริง ฝึกการบันทึกข้อมูล สมาชิกจะเข้าใจตรงกันว่า หากปลามาจากการทำประมงที่ผิดกฏหมาย ทางสมาคมฯ จะไม่รับซื้อ


ปลากุเลาที่นี่เนื้อแน่น สมบูรณ์มาก เป็นทุนของชุมชน ชาวบ้านใช้กุเลาเป็นสื่อบอกเรื่องราวไปสู่ผู้บริโภคว่า กินกุเลาตัวหนึ่ง ได้บริจาคส่วนหนึ่งมาช่วยพี่น้องเราในการอนุรักษ์ทรัพยากร  เราให้ความสำคัญกับการไม่ใช้สารเคมีและสารฟอกสี  ใช้เกลือหวานปัตตานีเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งฮาลาลด้วยตัวเอง ต้องดูแลเหมือนลูก นวดทุกวันให้เข้าที่ เอาออกผึ่งแดด เอามาผึ่งลม ใช้ทั้งสองส่วนผสมกัน กางมุ้งให้ ปลากุเลาตัวเล็กใช้เวลาประมาณ 25 วัน ตัวใหญ่ 45 วันรับประกันได้ว่าเป็นปลาอินทรีย์ที่สะอาด ปราศจากสีและสิ่งปลอมปน

ขณะนี้ทางสมาคมประมงพื้นบ้านได้ขอเครื่องหมายรับรองฮาลาล อยู่ในช่วงรอเลขหมาย

กุเลา คือ ความมั่นคงทางอาหาร ความอุดมสมบูรณ์ สร้างรายได้ที่มั่นคง และสามารถจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ในท้องถิ่นได้อย่างสมดุลจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ คือสันติภาพที่ยั่งยืนและเป็นจริงอีกปีกหนึ่งในพื้นที่แห่งนี้


การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียง









































เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง เศรษฐกิจที่อุ้มชูตัวเองได้ให้มีความพอเพียงกับตัวเอง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นและเราทุกคน สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับทุกด้านไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ด้านจิตใจ ด้านสังคมและวัฒนธรรม ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านเทคโนโลยีและด้านอื่นๆ อยู่ที่เราจะมาประยุกต์ใช้ในด้านใด เพื่อให้ชีวิตของเรามีคุณค่าและคุณภาพมากขึ้น โดยที่เราต้องมีความพร้อมในการประพฤติปฏิบัติเป็นสำคัญในแต่ละด้าน ดังนี้ ด้านเศรษฐกิจ ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ไม่ลงทุนเกินขนาด คิดและวางแผนอย่างรอบคอบ มีภูมิคุ้มกัน ไม่เสี่ยงเกินไป ด้านจิตใจ มีจิตใจเข้มแข็ง มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า ประโยชน์ส่วนตัว ด้านสังคมและวัฒนธรรม ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รู้ รัก สามัคคี สร้างความเข้มแข็ง ให้ครอบครัว และชุมชน รักษาเอกลักษณ์ ภาษา ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมไทย ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดและรอบคอบ ฟื้นฟูทรัพยากรเพื่อให้เกิดความยั่งยืนและคงอยู่ ชั่วลูกหลาน ด้านเทคโนโลยี รู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการและสภาพแวดล้อม พัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เราสามารถน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้ในทุกภาคส่วนของสังคมอย่างจริงจัง จะส่งผลให้การพัฒนาประเทศก้าวหน้าไป อย่างสมดุล มั่นคง และยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน อันจะนำไปสู่ "ความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทย

ที่มา สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
                                                                                                                   
นางสาวมณฑาทิพ สุวะรักษ์ : เรียบเรียง
                                                                                                                                                                    
                                                 ขอบคุณภาพจากเว็บไซด์

      ......................................................

วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

จังหวัดยะลา ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยะลา และชมรมบิ๊กไบค์ แถลงข่าวการจัดกิจกรรมแรลลี่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเบตง "ใต้สุดสยาม...ไบค์วีค"


จังหวัดยะลา ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยะลา และชมรมบิ๊กไบค์ แถลงข่าวการจัดกิจกรรมแรลลี่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเบตง "ใต้สุดสยาม...ไบค์วีค" สร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนใต้

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 60 ณ บริเวณปากอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ สวนน้ำ เทศบาลเมืองเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา นายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานการแถลงข่าวกิจกรรมแรลลี่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเบตง "ใต้สุดสยาม...ไบค์วีค" ตามโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม นี้ ณ สนามกีฬากลางเทศบาลมืองเบตง เพื่อสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของอำเภอเบตง รวมทั้งเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น โดยมีนายดำรงค์ ดีสกูล นายอำเภอเบตง , นายกิจจา ไวชมพู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยะลา , นายสมยศ เลิศลำยอง นายกเทศมนตรีเมืองเบตง , พ.ต.ท.ปรเมษฐ์ พลับพลึง รอง ผกก.ป. สภ.บตง , นายซาการียา สาแล๊ะ ประธานชมรมบิ๊กไบค์เบตง พร้อมด้วยไบเกอร์จากประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ รวมถึงสื่อมวลชนในพื้นที่เข้าร่วม


นายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับประเทศไทยไปสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ อันจะนำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน เห็นว่าการดำเนินการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการให้บริการ โครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัย การสร้างเครือข่ายร่วมมือกับภาคเอกชน ชุมชนท้องถิ่น และสถาบันการศึกษา โดยยึดหลักการพัฒนาท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเน้นความเสมอภาค และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย เป็นการสร้างรายได้ในการท่องเที่ยวให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน และสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย


ด้านนายกิจจา ไวชมพู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยะลา กล่าวว่า จังหวัดยะลา เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณีแห่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งสามารถชักจูงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวในพื้นที่ได้ ซึ่งจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ทำให้จังหวัดยะลาเล็งเห็นถึงความสำคัญ และส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ จังหวัดยะลา ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดงานกิจกรรมแรลลี่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเบตง "ใต้สุดสยาม...ไบค์วีค" เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาในพื้นที่อำเภอเบตง เพื่อสัมผัสกับมนเสน่ห์แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา เช่น สวนไม้ดอกเมืองหนาว , อุโมงค์ปิยะมิตร , บ่อน้ำร้อนเบตง และทะเลหมอกอัยเยอร์เวง กิจกรรมภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าโอทอปของดีจังหวัดยะลา , การโชว์รถบิ๊กไบค์ , ซุ้มคาวบอย , การแข่งขันดนตรีเยาวชน และการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปิน อาทิ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ , สุกัญญา มิเกล , ศักดา อินคา , เหน่ง เดอะวอยซ์ และวงสกายพาส






วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

จังหวัดปัตตานีจัดกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2560


เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2560 เวลา 06.30 น. ที่ลานศิลปวัฒนธรรม หน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ และประชาชนชาวปัตตานี กว่า 200 คน ร่วมกิจกรรม


นายจรูญ แก้วมุกดากุล ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า กิจกรรมปั่นจักรยานปั่นจักรยานครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2560 โดยรวมตัวที่บริเวณลานศิลปวัฒนธรรมหน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี มีพิธีเปิดโดยนายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี


 จากนั้นปั่นจักรยานออกจากบริเวณลานศิลปวัฒนธรรม ผ่านหน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี โรงพยาบาลปัตตานี วงเวียนหอนาฬิกา เลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญประดิษฐ์ ผ่านมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ เข้าถนนปากน้ำ และกลับมารวมตัวที่ลานศิลปวัฒนธรรมอีครั้ง เพื่อร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เป็นอันเสร็จพิธี





วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

จ.ยะลา จัดพิธี 3 ศาสนามหามงคล เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2560


จังหวัดยะลา จัดพิธี 3 ศาสนามหามงคล เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2560


วันนี้ (28 ก.ค. 60) ที่บริเวณหน้าอาคาร 3 ศาลากลางจังหวัดยะลา นายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีทางศาสนามหามงคล 3 ศาสนา ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2560 ในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร 



ประกอบด้วยพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทางศาสนาพุทธ พิธีสวดดูอาร์ขอพร ทางศาสนาอิสลาม และพิธีอธิษฐานภาวนา ทางศาสนาคริสต์ พร้อมกล่าวถวายราชสดุดี เฉลิมพระเกียรติ ถวายพระพรชัยมงคล เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการพลเรือน ตุลาการ อัยการ ทหาร ตำรวจ นายกเหล่ากาชาด พนักงานรัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา ผู้นำศาสนา และประชาชนเข้าร่วม




28 กรกฎาคม 2560 มหามงคล "เฉลิมพระชนมพรรษา"



ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความ ปรารถนาดี เพื่ออำนวยพรแก่ท่านทั้งหลายทั่วกัน และขอขอบใจท่านเป็นอย่างมากที่มีไมตรีจิตสนับสนุนข้าพเจ้าในภารกิจทุกอย่างเสมอมา"

ในปีที่แล้ว บ้านเมืองของเรามีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น คือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตรได้เสด็จสวรรคตเมื่อเดือนตุลาคม กล่าวได้ว่า นำความโศกเศร้าอาดูรและนับเป็นความสูญเสียของชาวไทยทั้งประเทศ



ข้าพเจ้ารู้สึกตื้นตันและประทับใจที่ได้เห็นประชาชนทุกเพศ ทุกวัย ถ้วนหน้า มีจิตจงรักภักดี และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณพรั่งพร้อมกันมาถวายสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง

ขอขอบใจทุกท่านที่ร่วมมือร่วมใจช่วยงานพระบรมศพอย่างพร้อมเพรียง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า คนไทยนั้นมีจิตใจดี มีความกตัญญูกตเวที มีความเอื้ออารีต่อกัน มีความรักชาติแผ่นดิน เป็นคุณสมบัติประจำชาติ และมีความรู้ความสามารถไม่แพ้ชนชาติอื่นใด

ดังนั้น ไม่ว่าจะมีอุปสรรค ปัญหา หรือเหตุไม่ปกติใดๆเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา ก็เชื่อได้ว่า ถ้าเราจะร่วมกันคิดอ่านและช่วยกันปฏิบัติแก้ไข ทุกสิ่งทุกอย่าง จะสามารถคลี่คลายลุล่วงไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน


ปีใหม่นี้ ขอให้ชาวไทยทุกคนตั้งใจให้แน่วแน่ที่จะรักษาคุณสมบัตินี้ให้เหนียว แน่น และทำความคิด จิตใจ ให้แจ่มใส ด้วยปัญญาที่กระจ่าง พิจารณาทุกสิ่งที่เกิดมีขึ้นตามความเป็นจริง โดยปราศจากอคติ ให้มีความมุ่งมั่น มีกำลังใจ ในอันที่จะร่วมกันปฏิบัติสรรพกิจน้อยใหญ่ในภาระหน้าที่ตามแนวพระบรมราโชบายที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานไว้ ให้งานทุกอย่างสำเร็จผล เป็นความดี ความเจริญ ทั้งแก่ตนเอง แก่ส่วนรวม และประเทศชาติ เป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ

ในการนี้ ข้าพเจ้าขอปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับประชาชนชาวไทยโดยเต็มกำลังความสามารถ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานเช่นกัน



นสพ.ไทยรัฐอัญเชิญพระราชดำรัสที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานพรปีใหม่ พ.ศ.2560 แก่ประชาชนชาวไทย เมื่อค่ำวันที่ 31 ธันวาคม 2559

ถือเป็นนิมิตหมายในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ภายใต้รัชกาลปัจจุบัน

จับใจความสำคัญที่สะท้อนถึงความตั้งมั่นในพระราชหฤทัย ในการร่วมกับประชาชนชาวไทยฝ่าฟันวิกฤติปัญหาด้วย พลังแผ่นดินอันเป็นคุณสมบัติพิเศษประจำชาติ เพื่อทำให้บ้านเมืองอยู่อย่างปกติสุข

 สืบสานพระราชปณิธานพระราชบิดา

และพอดีกับห้วงสถานการณ์ปลายปี 2559 ถึงต้นปี 2560 ได้เกิดภาวะอุทกภัย น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ 11 จังหวัด นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา กระบี่ พัทลุง นราธิวาส ยะลา ปัตตานี ตรัง ชุมพร ระนอง รวมถึงประจวบคีรีขันธ์ สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชนจำนวนมาก

ชาวบ้านผู้ประสบอุทกภัยต้องเผชิญทุกข์แสนสาหัส ซึ่งนั่นก็ได้เห็นถึงน้ำพระทัย ในหลวงรัชกาลที่ 10ที่ทรงห่วงใยประชาชนของพระองค์ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้องคมนตรี ผู้แทนพระองค์อัญเชิญถุงยังชีพพระราชทาน สิ่งของพระราชทาน และชุดธารน้ำใจสภา กาชาดไทย ไปมอบให้ประชาชนผู้เดือดร้อน พร้อมพระราชทานลายพระหัตถ์ห่วงใยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2560

ด้วยความรักและห่วงใย ขอเป็นกำลังใจในการร่วมกันฟื้นฟูและพัฒนา เพื่อขวัญที่ดี จิตใจและร่างกายที่เข้มแข็ง นำมาซึ่งความสุขและความมั่นคงของชาติ



พระราชทานทั้งกำลังทรัพย์ กำลังกาย และกำลังใจ

ในสถานการณ์ต่อเนื่องกัน สมเด็จพระเจ้า อยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ ยังทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยเฉพาะกิจ 904 กองพัทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ กองร้อยรักษาความสงบ กองพันทหารม้าที่ 20 กรมทหารม้าที่ 5 รักษาพระองค์ ข้าราชบริพาร หน่วยราชการในพระองค์ข้าราชบริพาร หน่วยราชการในพระองค์ พร้อมหน่วยงานกรุงเทพมหานคร ร่วมกันกำจัดผักตบชวา วัชพืชที่กีดขวางทางระบายน้ำ ขุดลอกคลองในพื้นที่กรุงเทพฯ

 ด้วยทรงห่วงใยในปัญหาขยะและผักตบชวากีดขวางทางระบายน้ำ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในเขต กทม. สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วม รวมถึงการจราจรที่ติดขัดอย่างหนัก ก่อผลกระทบทั้งด้านสุขภาพจิตและความเสียหายทางเศรษฐกิจ



 แสดงให้เห็นเลยว่า ทุกข์ของพสกนิกรอยู่ในพระเนตรพระกรรณ

 ที่สำคัญทรงปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องไม่ใช่แค่ยามภัยพิบัติเท่านั้น ดังเห็นได้จากการพระราชทานทุนการศึกษาและอาหารกลางวันให้ที่ต่อเนื่องมาจาก มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารตั้งแต่ พ.ศ.2553
โดยมีพระราชดำริให้นำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และทรัพย์จากผู้บริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งการสร้างโรงเรียน การให้ทุนการศึกษา เสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนที่ยากจน ได้มีโอกาสศึกษาอย่างต่อเนื่อง
นั่นก็เพราะทรงตระหนักในคุณค่าความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีคุณภาพด้วยการให้การศึกษา เพราะการศึกษาจะสร้างโอกาสให้ได้เรียนรู้วิชาการความรู้ต่างๆที่จะสามารถนำมาใช้ประกอบอาชีพ พัฒนาตนเองให้มีความรู้ ความสามารถ อันเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว สังคม ตลอดจนประเทศชาติ

 ด้วยสายพระเนตรที่มองการณ์ไกลถึงอนาคตของประเทศไทย


ไม่ใช่แค่การศึกษาด้านเดียว ยังมีเรื่องของการดูแลเสริมสร้างสุขภาพอนามัยของประชาชน การรักษาพยาบาล โดยเฉพาะคนยากจนด้อยโอกาสในชนบทห่างไกลที่พระราชทานความช่วยเหลือคนเจ็บป่วย ผู้พิการทุพพลภาพ รับเป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ รวมถึงพระราชทานทรัพย์สนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์ผ่านโรงพยาบาล สมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่ง ทั่วทุกภาคของประเทศ ตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ช่วยฟื้นคุณภาพชีวิตของพสกนิกร ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากพื้นฐานที่พระราชบิดาได้ทรงวางแนวทางไว้ โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงใส่พระทัยกับการสานต่อโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระราชบิดาที่ทรงริเริ่มและมีโครงการไว้แล้วกว่า 4,447 โครงการ
ไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำ โครงการพัฒนาด้านการเกษตร โครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม โครงการพัฒนาด้านส่งเสริมอาชีพ โครงการพัฒนาด้านสาธารณสุข โครงการพัฒนาด้านสาธารณสุข โครงการพัฒนาด้านคมนาคม โครงการสวัสดิการสังคมและการศึกษา และโครงการอื่นๆที่พระองค์ทรงตั้งพระราชหฤทัยแน่วแน่ จะสานต่อโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชต่อไป



นอกจากการใส่พระทัยด้านการศึกษา การสาธารณสุข ฟื้นคุณภาพชีวิตของพสกนิกร และการบรรเทาทุกข์ให้ผู้ประสบภัยพิบัติ ในหลวงรัชกาลที่ 10ยังทรงใฝ่ในพระพุทธศาสนา

ดังจะเห็นว่า ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการพระศาสนามาโดยตลอด อาทิ ได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามฤดูกาลทุกปี และในเทศกาลวันสำคัญทางศาสนา มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา จะเสด็จ พระราชดำเนินแทนพระองค์ ในหลวงรัชกาลที่ 9ในการบำเพ็ญพระราชกุศลไม่เคยขาด
โดยเฉพาะในปี พ.ศ.2560 นี้ ซึ่งถือเป็นปีแรกในรัชกาล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวันวิสาขบูชา โดยทรงนำสวดมนต์เนื่องในวันวิสาขบูชา ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรม มหาราชวัง เมื่อวันพุธที่ 10 พฤษภาคม
ทรงดำเนินพระองค์เป็นแบบอย่างของพุทธมามกะที่เคร่งครัด ศรัทธาในพระพุทธศาสนา อันเป็นพื้นฐานของความดีงาม นำไปสู่สังคมที่สงบสุข


และด้วยหลักธรรม ทำให้ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา

พระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกร ทรงใส่พระทัยไม่มองข้ามแม้จะเป็นจุดเล็ก จุดน้อย ซึ่งสะท้อนถึงความรักอันยิ่งใหญ่ต่อเหล่าประชาชนของพระองค์ ดังจะเห็นได้จากการที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานแจกจ่ายให้ประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระบรม มหาราชวัง

โดยเป็นอาหารที่ดีมีคุณภาพ ปรุงสุกใหม่ และมีประโยชน์ทางโภชนาการ เนื่อง ด้วยพระองค์ต้องการให้คนไทยมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง เป็นกำลังเสริมในการพัฒนา ชาติบ้านเมือง อย่างที่ทรงปฏิบัติเป็นตัวอย่างในการออกกำลังพระวรกายเพื่อพลานามัยที่แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ นอกจากเรื่องสุขภาพพลานามัยแล้ว ที่แข็งแรง เป็นกำลังเสริมในการพัฒนาชาติบ้านเมือง อย่างที่ทรงปฏิบัติเป็นตัวอย่างในการออกกำลังพระวรกายเพื่อพลานามัยที่แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากเรื่องสุขภาพพลานามัยแล้ว ยังมีเรื่องของกิจกรรมสันทนาการ อย่างที่มีพระราชดำริให้จัดการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติที่จัดขึ้นบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าทุกวันเสาร์ เวลา 19.00-21.30 น. โดยการสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนวงดุริยางค์ของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาบรรเลงให้ประชาชนทั่วไปได้รับชมรับฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อนำความทรงจำเก่าของปวงชนชาวไทยที่เคยได้รับฟังเพลงพระราชนิพนธ์กลับคืนสู่ผืนแผ่นดินไทย และเพื่อความสุขความรักสามัคคีของคนในชาติ

เป็นการฟื้นบรรยากาศดีงามของเมืองไทยในอดีตที่ผ่านมา
ทั้งหมดทั้งปวงก็ด้วยพระราชหฤทัยที่มุ่งมั่น พระราชปณิธานที่แน่วแน่ ในการรวมพลังคนในชาติ นำพาประเทศไทยก้าวข้ามการเปลี่ยนผ่านไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ทำให้พสกนิกรของพระองค์อยู่กันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข

ดังที่มีพระราชดำรัสตอบในการรับขึ้น ทรงราชย์
ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา ได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทยเชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ว่าเป็นไปตาม พระราชประสงค์ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถ บพิตร ให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎ มณเฑียรบาล
ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธาน และเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง


ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นจากพระราชกรณียกิจตั้งแต่ขึ้นทรงราชย์ ในหลวงรัชกาลที่ 10ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดำรงอยู่บนพื้นฐานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ชาวไทย ดำเนินตามรอยพระบาท สนองพระราชปณิธานของพระราชบิดา

สมดั่งที่ประชาชนคนไทยเทิดทูนสถาบันอยู่เหนือเกล้าฯ 
ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2560 ปีแรกของรัชกาล 
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน. 



ทีมข่าวการเมือง



.....................................