ย่านลิเภาเป็นพืชตระกูลเฟิร์นหรือเถาวัลย์ชนิดหนึ่ง ภาษาทางภาคใต้เรียกเถาวัลย์ว่าย่าน ขณะที่ชาวพื้นเมืองนราธิวาสเรียกว่าลิบู เป็นภาษามลายูแปลว่าตีนจิ้กจง จากลักษณะใบของย่านลิเภาที่หยัก ๆ คล้ายตีนจิ้งจก มีคุณสมบัติที่ดี คือ ลำต้นเหนียว ชาวบ้านจึงนำมาจักสานเป็นภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ หัตถกรรมย่านลิเภามีแพร่หลายแทบทุกจังหวัดในภาคใต้ รวมถึงจังหวัดนราธิวาส โดยว่าที่ร้อยตรี จิรัสย์ ศิริวัลลภ นายอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เล่าให้ฟังว่า เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับ ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส ทรงทราบว่าย่านลิเภาเป็นเถาวัลย์ที่หาได้ง่ายและขึ้นอยู่ทั่วไปในพื้นที่ภาคใต้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการอนุรักษ์และพัฒนางานจักสานย่านลิเภาให้เป็นอาชีพเสริมแก่ราษฎรในเขตภาคใต้
ด้านนางนลิณี สาและ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนบ้านคลอแระ อำเภอบาเจาะ กล่าวว่า อย่างในพื้นที่ตำบลบาเระใต้ อำเภอบาเจาะ
จังหวัดนราธิวาส ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นสมาชิกในโครงการศิลปาชีพ
ประกอบกับย่านลิเภามีอยู่มากในพื้นที่ หาได้ทั่วไป ทางโรงเรียนบ้านคลอแระ
จึงมีแนวคิดดำเนินโครงงานอาชีพหัตถกรรมการจักสานย่านลิเภา
โดยนำครูศิลปาชีพมาเป็นวิทยากรสอนนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6
เรียนทุกวันศุกร์ ครั้งละ 2 ชั่วโมง “โครงงานจักสานย่านลิเภา
เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
เมื่อได้สอนนักเรียนผลที่ได้ทำให้นักเรียนมีสมาธิในการเรียนมากขึ้น
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพราะต้องใช้ความคิดในการออกแบบลวดลาย
แต่ละคนจะมีลวดลายไม่เหมือนกัน ที่สำคัญเป็นการสืบสานงานตามแนวพระราชดำริ
อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป...”
ว่าที่ร้อยตรี จิรัสย์ ศิริวัลลภ
นายอำเภอบาเจาะ กล่าวเสริมว่า การจัดการเรียนการสอนยังสามารถสอดแทรกองค์ความรู้
ภูมิปัญญา ประสบการณ์จากการเฝ้าฯ รับเสด็จ
จากพ่อแม่ผู้ปกครองที่เป็นสมาชิกในโครงการศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เป็นการปลูกจิตสำนึกเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้กับเด็ก เยาวชน
ด้วยเรื่องใกล้ตัว สำหรับที่บ้านคลอแระ ยังเป็นที่ตั้งของศาลาทรงงาน ซึ่งสมเด็จฯ
จะเสด็จทรงงานทุกปี ชาวบ้านได้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิด นำผลิตภัณฑ์ถวาย
ส่วนใครเจ็บป่วยก็ได้พบหมอหลวง และบ้านคลอแระ
ยังมีครูสอนลิเภาและสมาชิกมากที่สุดของจังหวัดนราธิวาสด้วย
“...โรงเรียนบ้านคลอแระ
จัดการเรียนการสอนหัตถกรรมย่านลิเภามากว่า 10 ปีแล้ว และได้ขยายผลไปยัง 4 โรงเรียน
ในปัจจุบันทางอำเภอบาเจาะได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาวัตถุดิบอุปกรณ์
และค่าวิทยากร ทั้ง 5 โรงเรียน
สิ่งที่พัฒนาต่อไปเป็นเรื่องของการออกแบบที่จะให้ลวดลายหรือเส้นลิเภาไปปรากฎอยู่บนวัตถุสิ่งของอื่น
ๆ ได้บ้าง ที่สามารถจะจำหน่ายเป็นของที่ระลึก
ไม่จำเป็นว่าสิ่งของนั้นต้องทำด้วยลิเภา 100%...” นอกจากนี้เมื่อปี
2559 ที่ผ่านมา ได้จัดทำแปลงอนุรักษ์ย่านลิเภาบนพื้นที่สาธารณะบ้านคลอแระ จำนวน 30
ไร่ ซึ่งเป็นแห่งเดียวของจังหวัดนราธิวาส ส่วนในปี 2564 ทางอำเภอบาเจาะ
ได้รับงบประมาณจากจังหวัดนราธิวาส
เพื่อจัดทำแปลงอนุรักษ์ย่านลิเภาในพื้นที่พรุสาธารณะ ประมาณ 20 ไร่
เพื่อให้มีวัตถุดิบทั้งในเรื่องการเรียนการสอน
และให้กับชาวบ้านที่เป็นสมาชิกในโครงการศิลปาชีพผลิตภัณฑ์ของนักเรียน มีกำไล
จานรองแก้ว พวงกุญแจ เข็มกลัด ของตกแต่ง ได้นำไปจัดแสดงในงานศิลปหัตกรรมนักเรียน
ระดับประเทศ อีกทั้งจำหน่าย และโรงเรียนบ้านคลอแระ ยังเป็นศูนย์เรียนรู้หัตถกรรมการจักสานย่านลิเภา
ทำให้เกิดความภาคภูมิใจและสร้างความมีชื่อเสียงให้เกิดแก่จังหวัดนราธิวาส
-----------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น