วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2565

ภูมิปัญญาท้องถิ่น ตาลแว่น - ตาลเหลวของดีกะมิยอ เมืองปัตตานี

พื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี มีต้นตาลจำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่ไม่ได้ปลูก แต่เป็นตาลที่ขึ้นตามธรรมชาติ และธรรมชาติของต้นตาล จะมีอายุยืนยาวเกินร้อยปี ให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องบำรุงรักษาเหมือนพืชชนิดอื่น ตำบลกะมิยอ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ขึ้นชื่อในเรื่องของการทำตาลแว่น และ น้ำตาลเหลว ตำบลกะมิยอ มีทั้งสิ้น 7 หมู่บ้าน ในทุกหมู่บ้านมีชาวบ้านที่อาศัยภูมิปัญญาท้องถิ่น เก็บน้ำตาลจากตาลโตนด นำมาแปรรูปเป็นตาลแว่น และน้ำตาลเหลว สร้างรายได้ 

คุณปาตีเมาะ มีฮะ เจ้าของผลิตภัณฑ์น้ำตาลโตนด และวิทยากรทำน้ำตาลแว่น หมู่ 4 ตำบลกะมิยอ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เล่าว่าเธอและสามี มีลูกทั้งหมด 14 คน ซึ่งทั้งคู่มีอาชีพเพียงการทำนา 10 ไร่ และการเก็บน้ำตาลโตนดมาผลิตเป็นน้ำตาลแว่นและน้ำตาลเหลวจำหน่าย และรายได้จากการผลิตน้ำตาลโตนดนี้ก็สามารถเลี้ยงดูครอบครัว ลูกเรียนจบปริญญาตรีไปแล้วหลายคน 


คุณปาตีเมาะ บอกว่าตาล เป็นพืชที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ตลอดทั้งลำต้น น้ำตาลนำมาแปรรูปจำหน่าย ผลนำไปขาย ใบนำมาทำเป็นภาชนะใส่น้ำตาลกวนเพื่อตากเป็นน้ำตาลแว่น และยังนำไปใช้มุงหลังคาได้ด้วย ส่วนเนื้อไม้ เมื่อต้องตัดโค่นหรือตาย ก็เป็นไม้ที่มีความแข็งแรงและทนทานมาก ตาลให้ผลและน้ำตาลต่อเนื่องตลอดปี แต่ในฤดูที่ให้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพคือ ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี เมื่อเก็บน้ำตาลมาแล้ว ช่วงนั้นผลผลิตที่ได้จากตาลจะมีคุณภาพดีที่สุด น้ำตาลได้มาจากงวงหรือดอกของต้นตาล


คุณปาตีเมาะ เล่าว่า ต้องเลือกงวงที่ยาวที่สุดของต้น เมื่อติดผลเล็กๆ จะนวดที่ผลและงวง 4-6 วัน ผู้นวดจะพิจารณาเอง เมื่อเห็นว่านวดได้ที่แล้ว จะใช้มีดปาดตาลปาดลูกออกหมดเหลือเฉพาะแกนงวง แล้วทำน้ำหมักที่ทำจากน้ำโคลนหรือน้ำหมักสูตรของแต่ละครัวเรือน นำไปหมักกับแกนงวงไว้ โดยใช้กระบอกขนาดใหญ่แช่ น้ำหมักหรือน้ำโคลนนี้จะช่วยเร่งน้ำตาลออก ระยะเวลาหมัก 3-6 วัน เมื่อผ่านช่วงการหมักแล้ว ให้ลองปาดเป็นรอยนิดเดียว แล้วทิ้งไว้ 2-3 วัน เพื่อดูว่าน้ำตาลออกมากน้อยเท่าไหร่โดยยังไม่รองน้ำตาลตอนนั้น จากนั้น 2-3 วันที่ทิ้งไว้รอดูปริมาณน้ำตาลที่ไหลออกมา จึงนำกระบอกไปแขวนรองน้ำตาลที่หยด

ส่วนการทำน้ำตาลแว่น เคี่ยวด้วยวิธีเดียวกับการทำน้ำตาลเหลว แต่ใช้เวลาเคี่ยวนานกว่า ประมาณ 6 ชั่วโมง จากนั้นนำไปหยอดใส่แว่น (ภาชนะทำจากใบตาล ขดเป็นแว่นกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 นิ้ว) ตากทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วเก็บไปจำหน่าย โดยไม่แกะออกจากแว่น การเคี่ยวน้ำตาลไม่ควรใช้แก๊ส เพราะความร้อนจะไม่สม่ำเสมอและควบคุมความร้อนไม่ได้ ไม่เหมือนการใช้ฟืน เตา ถูกเรียกภาษาท้องถิ่นว่า นม วัสดุที่ใช้ปั้นเป็นเตา คือ ดิน และแต่ละครัวเรือนที่ผลิตน้ำตาล จะปั้นเตาให้มีขนาดตามแต่สูตร เรียกว่า นมโต นมเล็ก นมสูง นมต่ำ ตามภาพที่เห็น  ราคาจำหน่ายน้ำตาลแว่น ขายกิโลกรัมละ 80 บาท น้ำตาลเหลว ขายกิโลกรัมละ 100 บาท  

คุณปาตีเมาะ วางจำหน่ายที่หน้าบ้านในชุมชน หากต้องการน่าจะต้องเข้าไปซื้อถึงที่ หรือลูกค้าที่อยู่ต่างถิ่น ต้องการน้ำตาลแว่น น้ำตาลเหลว ไม่เจือปน 100 เปอร์เซ็นต์ ก็สามารถสั่งล่วงหน้าได้ อาจต้องรอนิดหน่อย เพราะคุณปาตีเมาะ ไม่ได้ทำสต๊อกไว้ เป็นการผลิตวันต่อวันเมื่อมีออเดอร์เข้ามาเท่านั้น สนใจติดต่อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่แปรรูปจากภูมิปัญญาชาวบ้าน คุณภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ ได้ที่ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จังหวัดปัตตานี โทรศัพท์ (073) 460-097


---------------------------

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น