โดยนายประภาณ จุลยานนท์ หรือเปาะนิ
หนึ่งในเจ้าของธุรกิจน้ำบูดู กล่าวว่า ตนเองทำน้ำบูดูขายมากว่า 20 ปี มีลูกน้อง
4-5 คน ส่วนตัวมองว่าจุดเด่นของบูดูของตนที่ทำให้แตกต่างจากที่อื่น
และเป็นที่นิยมบริโภคของลูกค้า เพราะอาศัยความได้เปรียบของสถานที่ตั้งที่จุดทะเลบาเฆะ
(ปาตา) ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส
“...ทำแบบครัวเรือน
มีบ้านอยู่ริมทะเล นำโอ่งที่ใส่น้ำบูดูวางบนพื้นดิน ประกอบกับอากาศร้อนตลอดวัน
ทำให้ไม่มีหนอนไม่มีแมลงวัน และกลิ่นไอทะเลก็ทำให้น้ำบูดูมีกลิ่นหอม...”
ด้านนางเจ๊ะสือกะ ดอเล๊าะ ชาวบ้านหมู่ที่ 2
บ้านบาเฆะ ลูกจ้าง เล่าวว่า สมัยปู่ย่าตายายก็ทำน้ำบูดู ตนเองเป็นรุ่นที่ 3
การผลิตน้ำบูดูสามารถทำได้ ดังนี้ นำปลากะตัก ปลาหลังเขียวตัวเล็ก ๆ
ซึ่งเป็นปลาทะเลน้ำลึกมาเทใส่กระบะ ไม่ต้องล้างน้ำเปล่า เพราะปลาทะเลน้ำลึกจะสะอาด
จากนั้นผสมกับเกลือ อัตราส่วนปลา 100 กิโลกรัม เกลือ 30 กิโลกรัม
และนำไปหมักในโอ่งทิ้งไว้ 6 เดือน ก็สามารถนำไปรับประทานได้
ขณะที่นางรีลา อูมาโมง ชาวบ้านหมู่ที่ 2
บ้านบาเฆะ ลูกจ้างอีกคน กล่าวเสริมว่า คิดว่ายิ่งหมักนานจะยิ่งอร่อยนะ แล้วแต่คนชอบ
ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 8 เดือน-1 ปี
“...คนใต้
คนไทยมุสลิม ชื่นชอบการรับประทานน้ำบูดู แต่ปัจจุบันก็เป็นที่นิยมทั่วไป
น้ำบูดูนำไปใส่ข้าวยำ หรือใช้ 1-2 ช้อนโต๊ะ หมักเนื้อหมักปลา ใส่แกงส้ม
ก็อร่อยกว่าใส่เกลือ รสชาติจะกลมกล่อมกว่า บางคนก็ทำน้ำพริกทุเรียนใส่เนื้อบูดู
ทำได้หลายเมนู...”
นางสาวรุสมีนา เซะ
ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาส ที่มาซื้อน้ำบูดู บอกว่า น้ำบูดูของเปาะนิ
มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ไม่เค็มมาก ชอบทำเมนูน้ำบูดูใส่พริก บีบมะนาว
กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็อร่อยแล้ว พร้อมบอกอีกว่ามาซื้อหลายครั้งแล้ว
จนกลายเป็นลูกค้าประจำ
น้ำบูดูที่นี่ยังเน้นความสะอาดในขั้นตอนการผลิต
ที่สำคัญต้องไปซื้อถึงที่ ณ ที่ตั้งจุดทะเลบ้านบาเฆะ (ปาตา) มีจำหน่ายแบบน้ำใส
น้ำกลาง น้ำข้น ทั้งบรรจุถุง บรรจุขวด แต่ย้ำว่ายังไม่มีบริการส่ง
หากใครสนใจคงต้องโทรไปสอบถามกับคุณประภาณ หรือเปาะนิ โทร.081-0978174 โดยตรง
สำหรับน้ำบูดู
จากข้อมูลของกรมวิทยาศาสตร์บริการ
ระบุว่าน้ำบูดูมีคุณค่าทางอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ โปรตีน ไขมัน
คาร์โบไฮเดรต และวิตามิน รวมทั้งแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น