การแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างรวดเร็วในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงหลายปีมานี้มีอาการส่อแสดงออกชัดเจนจนน่าเป็นห่วงยิ่ง จนเวลานี้สามารถบอกว่าไม่มี “หมู่บ้านปลอดยาเสพติด” เหลืออยู่แล้ว แถมครอบครัวไหนไม่มีคนติดยาเสพติดเลยจะถูกจับตามองว่า “เป็นสิ่งแปลกปลอม” ของชุมชนไปแล้ว จริงอยู่ภาคใต้ไม่มีการตั้งโรงงานยาเสพติดตามแนวตะเข็บชายแดนหรือในพื้นที่ เพียงแต่ที่ผ่านๆ มาได้ทำหน้าที่เป็นประตูส่งผ่านไปยังประเทศมาเลเซีย หรือต่อเนื่องไปยังประเทศในทวีปอื่นๆ ทั่วโลก ดังนั้นแผ่นดินจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงทำได้แค่เพียงเป็น “สถานที่พักยา” ก็ว่าได้
ถ้าติดตามข่าวคราวการจับกุมยาเสพติดได้ระดับบิ๊กล็อต ไม่ว่าจะหลักแสนหรือล้านเม็ด ไม่ว่าจะจับได้ที่ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือ หรือกระทั่งในภาคใต้เอง ผู้ต้องหาที่ถูกรวบตัวได้มักจะให้การที่คล้ายๆ กันคือ รับจ้างส่งยาเสพติดไปยังจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะนำไปส่งให้ถึงมือผู้รับที่ จ.นราธิวาส หรือ จ.ปัตตานีเสียเป็นส่วนใหญ่ เป็นที่น่าสังเกตว่าคนใต้ที่เข้าร่วมขบวนการค้ายาเสพติดมากที่สุดคือ “มุสลิมชายแดนใต้” และถ้าตรวจสอบให้ลึกไปกว่านั้นอีกจะพบว่า มีทั้งที่เป็นนายทุน ผู้รับจ้างขน ผู้ค้าปลีก เด็กเดินยา ขณะเดียวกันผู้ติดยาก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนน่าตกใจ และที่สำคัญผู้ที่อยู่ในขบวนการเหล่านี้มักจะเป็น “ผู้มีฐานะ” ทั้งที่ไม่เคยมีเทือกสวนไร่นา หรือดูจากภาพนอกแล้วไม่น่าจะมีอาชีพที่มั่นคงใดๆ เลย
อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตต่อแก้ปัญหายาเสพติดของทางการไทยบางประการ กล่าวคือ มาเลเซียที่ถูกจัดว่าเป็นทางผ่านยาเสพติดที่ถูกส่งไปจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย แต่ทำไมแทบไม่เคยปรากฏเป็นข่าวให้เห็นว่า ทางการมาเลเซียมีการจับกุมยาเสพติดได้ล็อตใหญ่หรือผู้ค้ารายใหญ่ ทั้งที่นายทุนใหญ่ส่วนหนึ่งก็เป็นคนมาเลย์เชื้อสายจีน และที่ต้องตั้งข้อสังเกตอย่างเป็นพิเศษไว้ด้วยคือ ทั้งนายทุนและผู้ค้ายาเสพติดในจังหวัดชายแดนภาคใต้หลังถูกออกหมายจับ พวกเขาจะหลบหนีไปฝั่งตัวอยู่ในมาเลเซียเกือบทั้งสิ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น