กระเป๋านักเรียนเปื้อนเลือดที่เป็นของ
ด.ญ.มิตรา เว๊าะบ๊ะ ในวัย 5 ขวบ หล่นอยู่ข้างรั้วโรงเรียนบ้านตาบา อ.ตากใบ
จ.นราธิวาส ณ ทำเลพื้นที่ซึ่งถูกสงวนไว้ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กนักเรียน
วันนี้กลับเป็นพื้นที่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
บึ้ม!!!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเกิดขึ้นด้านหน้าโรงเรียน ขณะที่นักเรียนกว่า 540 ชีวิต
ยืนเข้าแถวอยู่หน้าเสาธง หลังจากเคารพธงชาติผ่านไปได้ไม่ถึง 10 นาที
พลังสิ้นเสียงดังระคายหูเด็กนักเรียนกรีดร้องเสียงหลงแข่งกับเสียงผู้คนและสัญญาณจากรถฉุกเฉินที่ช่วยเหลือคนเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถจักรยานยนต์
หรือจักรยานยนต์บอมบ์
ขณะที่เหล่าคุณครูและบุคลากรทางการศึกษาประมาณ
50 คน ที่อยู่ร่วมชะตากรรมกับเด็กๆ ต้องสวมบทบาทครูจอมเฮี้ยบ
เพื่อตะเบ็งเสียงจัดการกับเหล่าเด็กที่อยู่ในอาการตื่นกลัวและตกใจสุดขีด
ก่อนตัดสินใจนำเด็กๆทั้งหมดกลับเข้าห้องอย่างเร่งด่วน
เมื่อควันระเบิดจางทุกอย่างจึงชัดเจน
เมื่อจุดเกิดเหตุพบกระเป๋านักเรียนสีเหลือง ระบุชื่อ “ด.ญ.มิตรา
เว๊าะบ๊ะ” หล่นอยู่ ขณะที่ผู้เป็นพ่อ “มะเย็ง
เว๊าะบ๊ะ” ขี่รถจักรยานยนต์มาส่งหน้าโรงเรียน
ก็ตกเป็นผู้เคราะห์ร้าย ถูกแรงอัดระเบิดเข้าอย่างจัง ทำให้เสียชีวิตทันทีทั้งสองคน
นอกจากนี้ยังมีผู้โชคร้ายคือ “ตัสมีซี มะดาโอะ” อายุ
22 ปี พ่อค้าขายขนมโตเกียวหน้าโรงเรียน ต้องมาสังเวยชีวิตเพิ่มอีกราย
รวมเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้บริสุทธิ์ถึง 3 ราย
เหตุร้ายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ปลอดภัยหน้าโรงเรียน
ไม่เพียงแค่ทำให้ครอบครัว “เว๊าะบ๊ะ” สูญเสียสมาชิกครอบครัวไปพร้อมกันถึง
2 คนเท่านั้น
แต่ชีวิตต่อไปจากนี้ของลูกชายคนโตที่ต้องสูญเสียพ่อและน้องสาวไปในคราวเดียวกันจะอยู่อย่างไร?
“ด.ช.พงศภัค เว๊าะบ๊ะ” หรือ
“น้องอาซัน” วัย
6 ขวบ นั่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ ภายในบ้านเลขที่ 23/1 บ้านตาบา ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ
ท่ามกลางเหล่าผู้ใหญ่มากหน้าหลายตาที่เข้ามาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจและมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสียเบื้องต้น
ด้วยความไร้เดียงสาของเด็กน้อยเวลานี้
แม้จะรับรู้ว่าน้องสาวและพ่อได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
แต่ในบางช่วงเวลาก็ยังเอ่ยและถามถึงน้องสาวและพ่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ความไร้เดียงสานี้ ทำให้ผู้พบเห็นสลดใจและเสียใจต่อสิ่งที่เด็กน้อยต้องเผชิญ
โตขึ้นใครอยากเป็นทหาร ยกมือขึ้น?... สิ้นคำถาม
น้องอาซันรีบยกมือขึ้น แสดงตัวชัดเจนอยากเป็นทหารและตำรวจ
พฤติกรรมของหนูน้อยสร้างรอยยิ้มปนคราบน้ำตาให้แก่สมาชิกครอบครัวและผู้มาเยือน
โดยเฉพาะ “แมะละ
เว๊าะบ๊ะ” ป้าแท้ๆ ของอาซัน
ที่ต้องรับหน้าที่เป็นแม่บุญธรรมเพื่อให้เด็กน้อยได้รู้สึกว่ายังมีครอบครัวอยู่เหมือนเดิม
ต้องตกอยู่ในสภาพร่างกายและจิตใจบอบช้ำอย่างหนัก
ตาที่แดงก่ำบ่งบอกว่าน้ำตาไม่เคยเหือดแห้งตลอด 24 ชั่วโมง ที่ต้องพบกับความสูญเสีย
พี่สาวมะเย็ง
เล่าเรื่องราวชีวิตของครอบครัวด้วยภาษายาวี หรือภาษามลายู ให้ฟังแบบช้าๆ ว่า
ครอบครัวเราอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวใหญ่รวม 6 คน มีพี่ชาย พี่สาว พี่เขยของมะเย็ง
รวมถึงน้องมิตราและน้องอาซัน ลูกสาวและลูกชายของมะเย็ง
ที่ผ่านมามะเย็งเป็นเหมือนเสาหลักที่หาเลี้ยงครอบครัว
ก่อนหน้านี้มะเย็งเพิ่งกลับจากไปทำงานเป็นยามที่กรุงเทพฯ
และกลับมาอยู่บ้านได้ไม่ถึงปี เมื่อกลับมาก็ทำงานรับจ้างแบกข้าวสารมีรายได้วันละประมาณ
200 บาท
“แม้เงินจำนวนไม่มาก
แต่สามารถเลี้ยงสมาชิกครอบครัวได้ไม่อดอยาก เมื่อสมาชิกครอบครัวขาดหายไป
ทำให้ชีวิตของคนที่เหลืออยู่ต้องประคับประคองกันเพื่อก้าวข้ามความเจ็บปวดไปให้ได้
โดยเฉพาะการทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ให้แก่หลานชายที่ช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ”
เช่นเดียวกับ “ไซตง
เว๊าะบ๊ะ” ป้าอีกคนของ “น้องอาซัน”
ที่แม้ไม่ได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน แต่ก็ไปมาหาสู่กันทุกวัน
ต้องทำหน้าที่เป็นเสาหลักในการประสานงานติดต่อและจัดการธุระต่างๆ
ที่ประเดประดังเข้ามาในช่วงนี้ แม้จะเสียใจอย่างหนักต่อการสูญเสียน้องชายและหลานสาวไปอย่างกะทันหัน
“ไม่เคยคาดคิดว่า
พื้นที่ปลอดภัยหน้าโรงเรียนจะกลายเป็นพื้นที่ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กนักเรียนไปได้
เด็กคนหนึ่งไม่รู้เรื่องราวความขัดแย้งแต่ต้องได้รับผลกระทบ
แม้กระทั่งน้องชายที่เป็นคนดี เลี้ยงดูลูกสองคน ไม่เคยเกี่ยงงาน
ไม่บ่นแม้เจองานหนัก
กระทั่งวินาทีที่จากไปยังทำหน้าที่พ่อไปส่งลูกชายคนโตเข้าเรียนอย่างปลอดภัยที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองตากใบ
จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนบ้านตาบา
ก่อนที่มีนัดไปแบกข้าวสารหาเลี้ยงชีพที่ร้านค้าข้าวสารใกล้บ้าน” ไซตงปล่อยโฮเมื่อรับรู้ดีว่าภารกิจของน้องชายไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก
สิ่งสุดท้ายที่ "ครอบครัวเว๊าะบ๊ะ”
เรียกร้องในฐานะผู้สูญเสียวันนี้
ไม่ใช่แค่การร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือเยียวยาเท่านั้น
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ
ขอพื้นที่ปลอดภัยที่แท้จริงให้หลานชายตัวน้อยคนนี้
ได้มีพื้นที่การใช้ชีวิตในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างปลอดภัย!
อย่าทำร้ายเด็ก-ผู้บริสุทธิ์
“สราวุธ ยอดรักษ์” ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตาบา
ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส บอกว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ เพราะเป็นเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ
แต่ต้องมาเสียชีวิตด้วยเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
“วิงวอนไปยังผู้ที่กระทำด้วยว่า
อย่ากระทำต่อผู้บริสุทธิ์และไม่เกี่ยวข้อง
อยากจะสื่อไปถึงกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบว่า
อย่ากระทำกับผู้บริสุทธิ์เลย ครู เพื่อนนักเรียน ผู้ปกครอง
ทุกคนเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โรงเรียนไม่เคยประสบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน”
สราวุธเล่าถึงเหตุการณ์ว่า
เป็นช่วงเวลาที่นักเรียนกำลังเข้าแถว และกำลังรอเดินเข้าห้อง ส่วน ด.ญ.มิตรา
เว๊าะบ๊ะ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 1 เดินทางมาพร้อมกับพ่อคือ มะเย็ง เว๊าะบ๊ะ
ได้แวะซื้อของที่ร้านตรงจุดที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ตรงข้ามประตูทางเข้าโรงเรียน หลังเกิดเหตุโรงเรียนยังเปิดทำการเรียนการสอนตามปกติ
ขวัญและกำลังใจของครูยังดีอยู่ โดยประชุมกันว่าทุกคนยังพร้อมจะทำหน้าที่ต่อไป
ส่วนผู้ปกครองก็มีบ้างที่หวั่นไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สำหรับมาตรการในพื้นที่ของโรงเรียนยังคงปฏิบัติตามแผนของโรงเรียน
ขณะที่ “อุษณีย์
ประสิทธิชัยวุฒิ” ครูประจำชั้นอนุบาล 1/2 กล่าวถึงน้องมิตราว่า
เพิ่งเข้ามาเรียนได้ประมาณ 2 เดือน ย้ายมาจากกรุงเทพฯ เป็นคนพูดภาษาไทย
พูดภาษากลาง เป็นคนน่ารัก เป็นคนช่างพูด สนุกสนาน ร่าเริง เป็นที่รักของพ่อ
ซึ่งจะมาส่งและมารับทุกวัน
“หลังมีเสียงระเบิดได้พาเด็กนักเรียนที่ยืนเข้าแถววิ่งเข้าไปอยู่ใต้อาคาร
หลังจากนั้นก็มีคนมาบอกว่ามีเด็กอนุบาลของโรงเรียนถูกระเบิดและนำตัวส่งโรงพยาบาล
ก็เลยตามไปดูที่โรงพยาบาล ไปถึงเห็นหน้าก็เลยรู้ว่าเป็นน้องมิตรา ตกใจทำอะไรไม่ถูก
ไม่คิดว่าจะเป็นน้อง”
“เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 1/2 มีจำนวนทั้งสิ้น 20
คน น้องมิตราเป็นน้องใหม่ในห้อง โรงเรียนเราไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาได้” ครูประจำชั้นอนุบาล 1/2 กล่าว
อุษณีย์ฝากคำพูดไปถึงผู้กระทำความรุนแรงว่า “คุณที่ทำ
คุณต้องการอะไร เราไม่รู้ แต่ไม่ควรจะมาใช้ความรุนแรงกับเด็กและใกล้กับโรงเรียน
ซึ่งเป้าหมายของคนทำจะเป็นตำรวจหรือทหาร
แต่ก็ไม่ควรให้ผู้บริสุทธิ์ต้องมาเสียชีวิตกับการกระทำของคุณ จะทำไปเพื่ออะไร
แล้วได้อะไร”
--------------
ที่มา...คมชัดลึกออนไลน์
นราธิวาส-พื้นที่ปลอดภัยอยู่ไหน?เสียงเพรียกจากครอบครัว'เว๊าะบ๊ะ'
: สุพิชฌาย์ รัตนะ/ : สมชาย สามารถรายงาน