วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ล่องใต้ชายแดน เยือนวิถีชีวิต และสัมผัสธรรมชาติเมืองปัตตานี



        สิ้นปีแล้วสินะ แพลนเที่ยวปีใหม่ยังไม่มีเลย ใจอยากไปเที่ยวที่ใคร ๆ เขาไปกัน แต่อีกใจก็คิดนะวันหยุดรถติด ผู้คนพลุกพล่าน ไม่อยากไปเจอความวุ่นวาย แต่แล้วเสียงในหัวก็ดังขึ้นว่า ไปทะเลซิ เที่ยวทะเลดีกว่า ไปนั่งโง่ๆที่ทะเล แล้วค่อยกลับก็ได้แต่เดี่ยวนะทะเลวันหยุดคนก็เยอะไปหรือเปล่า แล้วจะเที่ยวทะเลที่ไหนดีหละ?????.......

            หลายคนมักจะมีความรู้สึกแบบนี้ค่ะ และมักจะมีเสียงทะเลาะกับความรู้สึกของตัวเองตลอดเวลา ก็แหม๋...วันหยุดนี่นา จะให้อยู่กับที่ก็กระไรอยู่ ไปเที่ยวดีกว่า แต่จะเที่ยวที่ไหนดี หรือเที่ยวทะเลที่ไหนดี?...ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพราะวันนี้ ล่องใต้ชายแดน อยากให้คุณเปิดใจ เปิดมุมมองใหม่ ลองมาเที่ยวทะเลปัตตานีกันค่ะ เที่ยวเมืองรองสุขใจทะเลใกล้บ้านชายแดนใต้สวยงามกว่าที่ใดน่ะ

        ทริปนี้เป็นทริปเที่ยวทะเลปัตตานี 2 วันหนึ่งคืน การเดินทางของเราเริ่มต้นจากตัวเมืองปัตตานีโดยใช้เส้นทางหมายเลข 42 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี หมายเลข 2062 จุดหมายของเราครั้งนี้คือ ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ซึ่งเราจะพาเที่ยว 2 หมู่บ้าน คือบ้านดาโต๊ะ และบ้านปาตาบูดี จะพาไปดูวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่กันค่ะ เพราะว่านอกจากจะมีเรื่องราวของทะเลแล้ว ความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่ก็ช่างเรียบง่ายจริงๆนะคะ วันแรกเราเลือกที่จะเที่ยวบ้านดาโต๊ะกันก่อนค่ะ เชื่อไหมคะที่นี่นอกจากด้านหลังจะเป็นทะเลสวยๆด้านหน้ายังเป็นโกงกาง และในหมู่บ้านก็ยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย เขาว่าเรื่องเล่าและเรื่องราวของหมู่บ้านมีบันทึกความเป็นมายาวนาน 200 กว่าปี เท่ายุคสมัยรัตนโกสินทร์ทีเดียวค่ะ ทั้งมัสยิดดาโต๊ะที่ก่อสร้างร่วมสมัยกับมัสยิดกรือเซะ สุสานยะหริ่งหรืออีกชื่อหนึ่งว่าสุสานตนกูปะสา สุสานโต๊ะยาว ซึ่งมีเรื่องเล่ากล่าวขานกันมาถึงทุกวันนี้ ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองค่ะแล้วจะทึ่ง ใครจะไปคิดว่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของปัตตานีที่อยู่ในมุมเล็กๆแห่งนี้จะมีความสวยงามและน่าสนใจเช่นนี้

           เรียนรู้ประวัติศาสตร์กันพอสมควรเราก็เที่ยวต่อค่ะ ไปล่องเรือชมโกงกางกันบ้าง โกงกางที่นี่เรามากี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ เพราะมาทุกครั้งก็รู้สึกสบายใจทุกครั้งไปก็มันสวยจริงๆนี่นา อิ่มเอมใจกับธรรมชาติตรงหน้าฟ้าเริ่มตกแดดอ่อนๆ ก่อนตะวันลับฟ้าสวยงามมาก เราขึ้นจากเรือแล้วไปที่ทุ่งหญ้าสีทองกันต่อค่ะ ทุ่งหญ้าที่นี่ยามต้องแสงอาทิตย์จะเป็นสีทองเต็มทุ่งไปหมดเลย นับว่าเป็นแหล่งเช็คอินแห่งใหม่สำหรับขาชิวล์เลยค่ะ มาถ่ายรูปชิคๆ องศาดีมาก บอกเลยมาคุ้มสุดๆ เราปิดท้ายของวันแรกที่นี่กันค่ะมองหาที่พักริมทะเลซึ่งมีเยอะมากแล้วแต่จะเลือกเลย เราได้ที่พักเรียบร้อยก็พร้อมพักเอนกายแล้วหละค่ะ เพราะพรุ่งนี้เช้าเรามีนัดกับอาทิตย์ยามเช้าต้องรีบนอนค่ะ

            เอ้ก อีเอ้ก เอ้ก .....เสียงไก่ขันยามเช้าปลุกเราจากที่นอนพร้อมๆกับเสียงนาฬิกาปลุกที่เราตั้งไว้ก่อนนอนเมื่อคืน ที่ตั้งไว้ก็กลัวว่าจะตื่นมาไม่ทันแสงยามเช้าก็ที่เรานอนสบายมากๆ ได้ยินเสียงคลื่นดัง สาดซา กล่อมให้หลับสบายเชียวค่ะ ไม่รอช้าเรากุลีกุจอเก็บอุปกรณ์ถ่ายภาพเพื่อเก็บแสงแรกของวันใหม่ พร้อมแล้วก็ออกเดินทาง จับนาฬิกามาดูอีกครั้ง 05.00 น. ทันเก็บแสงแรกแน่นอน

           เรามาถึงสุดทางของเป้าหมายแล้ว ที่เราอยู่ตรงนี้เรียกว่า แหลมตาชี เป็นปลายแหลมที่ทอดยาวยื่นออกไปสุดทะเล และนี่คือหมู่บ้านที่2 ของการเที่ยวของเราวันนี้ บ้านปาตาบูดี นั่นเองค่ะ เรานำรถมาจอดตรงที่ท่าเทียบเรือประมงพื้นบ้าน แล้วนั่งรถโชเลย์ต่อเข้าไปสุดปลายแหลม เราได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ในการอำนวยความสะดวกให้กับทีมของเราในครั้งนี้ มาถึงปลายแหลมจังหวะแสงแย้มออกมาพอดี ตั้งกล้องเก็บภาพ แล้วนั่งมองแสงแรกของวันที่ออกมาทักทายสวยสะดุดตาจริงๆค่ะ เรานั่งยิ้มกับภาพที่อยู่ตรงหน้า แสงที่ค่อยๆเปลี่ยนสีทุกครั้งที่อาทิตย์กำลังจะขึ้น สีส้ม สีแดง สีเหลือง สีทอง แล้วแต่ใครจะจินตนาการ มองไปตรงเส้นขอบฟ้าเรือประมงแล่นออกมาข้ามผ่านอาทิตย์ดวงโตที่อยู่ตรงหน้าช่างสวยงามรู้สึกประทับใจกับภาพที่เห็นอย่างอธิบายไม่ถูกเชียวค่ะ ชาวบ้านเริ่มออกมาหาปลา บ้างจับแห บ้างถือกระบุง อุปกรณ์หาเลี้ยงชีพของตัวเอง พร้อมสายตาที่จับจ้องตรงทะเลเบื้องหน้า เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายที่หลายคนน้อยนักจะได้มาสัมผัสแบบใกล้ชิดเยี่ยงนี้ เราเก็บแสงแรกยามเช้าและวิถีประมงเวลาก็ล่วงเลยเกือบ 08.00 น. เราเก็บอุปกรณ์เดินทางกลับที่พักเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเตรียมท่องหมู่บ้านที่ 2 ของวันนี้กันต่อค่ะ

         ออกจากที่พักท้องก็ฟ้องว่าหิวแล้ว เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรลงท้องเลย เราเลือกแวะหาร้านในชุมชนมาทานเป็นมื้อเช้า เชื่อไหมค่ะว่าที่นี่เขาต้อนรับเราดีมาก แล้วเมนูอาหารที่นี่ช่างเรียบง่ายเสียจริง เมนูพื้นถิ่นเลือกทานได้ตามที่ชอบทั้งข้าวยำ ข้างแกง ขนม ข้าวเหนียว นั่งจิบชาเบาๆได้อรรถรสมากมายนัก ช่างโดนใจ เป็นมื้อที่พิเศษที่เคยได้ทานเลยค่ะไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องแพง แต่อร่อยเหมือนลอยได้

           กองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงๆค่ะ อิ่มท้องแล้วมีแรงเที่ยวต่อ เราเข้าไปในชุมชนที่บ้านปาตาบูดี ไปดูชาวบ้านเขาแกะสลักของเล่นต่างๆจากกาบมะพร้าว แกะสลักงานไม้ ออกมาสวยมากนำเป็นของฝากได้ด้วยนะคะ

           จากนั้นไปดูงานแกะสลักเรือกอและ และงานร่มค่ะ ลวดลายที่บรรจงลงในชิ้นงานเป็นเอกลักษณ์ของคนปัตตานีสวยงามสะดุดตาอีกแล้ว เป็นของฝากของขวัญให้กับคนพิเศษได้ไม่ยากเลยค่ะ

         ทริปนี้เป็นทริปที่มีความสุขแบบใจพองโตจริงๆค่ะ ได้มาสัมผัสธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตผู้คน วิถีประมง ธรรมชาติช่างรังสรรค์ความสวยงามไว้เสมอ แล้วคุณจะรออะไรหละคะ มาเปิดใจ ลองแล(ล่องเล)ปัตตานี สักครั้ง แล้วหัวใจของคุณจะพองโตแบบเรา  หวังว่าทริปที่เราพามาวันนี้จะเป็นทริปสิ้นปีของทุกคนและเป็นทริปที่อยู่ในใจของทุกคนด้วยนะคะ ทริปหน้าเจอกันใหม่เราจะไปที่ไหนติดตามกันต่อค่ะ































--------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เที่ยวชมดอกไม้เมืองงาม ใต้สุดเมืองเบตง!!



      เป็นโครงการไม้ดอกเมืองหนาวอันเนื่อง มาจากพระราชดำริอำเภอเบตง จังหวัดยะลา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงอักษรจีนพระราชทานนามสวนแห่งนี้ว่า ว่านฮัวหยวน หรือแปลเป็นไทยว่า สวนหมื่นบุปผา โดยมีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยมีทั้งชาวไทยและชาว มาเลเซียเดินทางมาเยี่ยมชมความสวยงาม และยังพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจเพื่อการส่งออกแทนการปลูกยางพาราตามแนวพระราช ดำริเพื่อสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่เบตง ไก่เบตง ทะเลหมอกเบตง เที่ยวเบตง สวนดอกไม้เบตง โอเคเบตง ที่พักเบตง โรงแรมเบตง

     สวนแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 35 ไร่ ความสูงประมาณ 800 เมตรจากระดับน้ำทะเล อุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส มีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการเดินทางมาเยี่ยมชมโครงการและเตรียมขยายพื้นที่การเพาะปลูกไม้ดอกเมืองหนาวซึ่งสร้างรายได้หลายล้านบ้านต่อปีให้กับประเทศ

      ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านปิยะมิตร 2 หมู่ที่ 2 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง ได้ก่อตั้งขึ้นโดยสมาชิกในหมู่บ้านทั้งหมดเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย







---------------------------------