สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา
จ.สุราษฏร์ธานี ร่วมกับ 14 จังหวัดภาคใต้
จัดงานภายใต้โครงการส่งเสริมมหกรรมอาหารเพื่อการท่องเที่ยวสู่นานาชาติ
จ.สุราษฏ์ธานี เพื่อประชาสัมพันธ์อาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวของ14จังหวัดภาคใต้ ล่าสุดจัดกิจกรรม “กินเพลินเดินเก๋เท่อย่างใต้”
นำผู้สื่อมวลชนและบล็อกเกอร์จากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยว
และอาหารขึ้นชื่อประจำจังหวัดในพื้นที่ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส
เริ่มต้นที่
จ.นราธิวาส มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มาแล้วจะต้องไปให้ได้ ประกอบด้วย “เกาะยาว” สัมผัสวิถีประมงพื้นบ้านที่เรียบง่ายบนเกาะยาว
เกาะเล็กๆ ที่เชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานไม้ชื่อว่า “สะพานคอย
100 ปี” มีความยาว 345 เมตร ทอดข้ามแม่น้ำตากใบไปยังเกาะยาว ด้วยบรรยากาศที่สงบ
หาดทรายอะเอียดจึงเหมาะกับการพักผ่อนหน่อยใจ ต่อมาเยี่ยมชมการทำ “กื๊อโป๊ะ” ข้าวเกรียบปลาเจ้าแรกของ จ.นราธิวาส
ของฝากขึ้นชื่อที่ชาวนรานิยมรับประทาน ทั้งกื๊อโป๊ะสดทอดในน้ำมันร้อนๆ
และข้าวเกรียบ จิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ดของทางร้าน จากนั้นก็เดินชม “สะพานปลา” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดการทำกื๊อโป๊ะ
สัมผัสวิถีชีวิตชาวมุสลิมที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านของชาวมุสลิม ที่เรียกว่า “เรือกอและ” สีสันฉูดฉาดสวยงาม
“หาดนราทัศน์” ชายหาดที่มีความโค้งหาดยาวต่อเนื่อง 5 กิโลเมตร แต่ก่อนชาวหาดดังกล่าวมีความกว้างมากจนมีการสัมปทานขุดทราย
ทำให้หาดแห่งนี้แคบลง แต่ยังคงความสวยงามไว้เช่นเดิม ริมหาดร่มรื่นด้วยทิวสน
เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่งของชาวเมืองนราธิวาส ปิดท้ายด้วยการเที่ยวชม
“มัศยิด 300 ปี” เป็นสถาปัตยกรรมอาคารไม้ตะเคียนทั้งหลัง
ผสมผสานศิลปะไทย จีน และมลายูเข้าด้วยกันอย่างมีเอกลักษณ์
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์
วัฒนธรรมทางศาสนาที่ผ่านกาลเวลามายาวนานรับร้อยๆ ปี
นายณรงค์
สังข์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬา จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า นายเอกรัฐ
หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส ได้ให้ความสำคัญเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.นราธิวาส
เนื่องจากเป็นเมืองชายแดนใต้สุดของประเทศไทย มีอาณาเขตติดกับประเทศมาเลเซีย
มีด่านชายแดน 3 ด่าน ประกอบด้วย ด่าน อ.ตากใบ ด่าน อ.สุไหงโก-ลก และด่าน อ.แว้ง
นอกจากนี้จังหวัดยังมีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งทะเล หาดทราย ภูเขา และน้ำตก
ที่สำคัญยังเป็นดินแดนพหุวัฒนธรรมที่หลากหลายของพี่น้องมุสลิม-พุทธ-เชื้อสายจีน
ที่มีความแตกต่างเรื่องภาษา อาหาร และการแต่งกายแต่ก็สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
โดยจังหวัดจะส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชมและสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของพี่น้องชาว
จ.นราธิวาส
“ที่ อ.สุคิริน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของ จ.นราธิวาส
เนื่องจาก ต. ภูเขาทอง ชาวบ้านจากภาคอีสานเข้ามาประกอบอาชีพร่อนทองขายจำนวนมาก
ทำให้ในแต่ละปีมีการจัดประเพณีบุญบั้งไฟขึ้น นอกจากนี้ทุกปี อ.สุไหงโก-ลก
มีการจัดกิจกรรมสมโภชเจ้าแม่โต๊ะโมะ มีการแข่งขันเชิดสิงโตนานาชาติ มีประเทศจีน
มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน ลาว ออสเตรเลียส่งทีมเชิดสิงโตเข้าร่วมแข่งขันซึ่งจังหวัดได้เข้าไปส่งเสริมกิจกรรมดังกล่าวเช่นกัน”
ผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา จ.นราธิวาส กล่าว
อย่างไรก็ตามรายได้จากการท่องเที่ยวของ
จ.นราธิวาส ประมาณเกือบ 2,000
กว่าล้านบาทต่อ 1 ปี
นักท่องเที่ยวที่เข้ามาร้อยละ 70 เป็นชาวมาเลเซียขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่ที่ร้อยละ
30 อย่างไรก็ตามการเตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวขณะนี้ทาง
ผวจ. นราธิวาส มีนโยบายในการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของจังหวัด
และพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว
โดยมั่นใจว่าโรงแรมและที่พักในพื้นที่ จ.นราธิวาสที่มีอยู่เกือบ 5,000 กว่าแห่งสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างเพียงพอ
ส่วนมาตรการการรักษาความปลอดภัยทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน ทั้ง3 ฝ่าย ได้ช่วยกันดูแลอย่างเข้มข้น
ส่วนชุมชนก็ช่วยกันดูแลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามา
------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น