วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สัมผัส "นราธิวาส" มนต์เสน่ห์ที่ห้ามพลาด


        

        สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา จ.สุราษฏร์ธานี ร่วมกับ 14 จังหวัดภาคใต้ จัดงานภายใต้โครงการส่งเสริมมหกรรมอาหารเพื่อการท่องเที่ยวสู่นานาชาติ จ.สุราษฏ์ธานี เพื่อประชาสัมพันธ์อาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวของ14จังหวัดภาคใต้ ล่าสุดจัดกิจกรรม กินเพลินเดินเก๋เท่อย่างใต้ นำผู้สื่อมวลชนและบล็อกเกอร์จากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยว และอาหารขึ้นชื่อประจำจังหวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส

        เริ่มต้นที่ จ.นราธิวาส มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มาแล้วจะต้องไปให้ได้ ประกอบด้วย เกาะยาว สัมผัสวิถีประมงพื้นบ้านที่เรียบง่ายบนเกาะยาว เกาะเล็กๆ ที่เชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานไม้ชื่อว่า สะพานคอย 100 ปีมีความยาว 345 เมตร ทอดข้ามแม่น้ำตากใบไปยังเกาะยาว ด้วยบรรยากาศที่สงบ หาดทรายอะเอียดจึงเหมาะกับการพักผ่อนหน่อยใจ ต่อมาเยี่ยมชมการทำ กื๊อโป๊ะข้าวเกรียบปลาเจ้าแรกของ จ.นราธิวาส ของฝากขึ้นชื่อที่ชาวนรานิยมรับประทาน ทั้งกื๊อโป๊ะสดทอดในน้ำมันร้อนๆ และข้าวเกรียบ จิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ดของทางร้าน จากนั้นก็เดินชม สะพานปลาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดการทำกื๊อโป๊ะ สัมผัสวิถีชีวิตชาวมุสลิมที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านของชาวมุสลิม ที่เรียกว่า เรือกอและสีสันฉูดฉาดสวยงาม

หาดนราทัศน์ ชายหาดที่มีความโค้งหาดยาวต่อเนื่อง 5 กิโลเมตร แต่ก่อนชาวหาดดังกล่าวมีความกว้างมากจนมีการสัมปทานขุดทราย ทำให้หาดแห่งนี้แคบลง แต่ยังคงความสวยงามไว้เช่นเดิม ริมหาดร่มรื่นด้วยทิวสน เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่งของชาวเมืองนราธิวาส ปิดท้ายด้วยการเที่ยวชม มัศยิด 300 ปีเป็นสถาปัตยกรรมอาคารไม้ตะเคียนทั้งหลัง ผสมผสานศิลปะไทย จีน และมลายูเข้าด้วยกันอย่างมีเอกลักษณ์ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมทางศาสนาที่ผ่านกาลเวลามายาวนานรับร้อยๆ ปี
       นายณรงค์ สังข์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬา จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า นายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส ได้ให้ความสำคัญเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.นราธิวาส เนื่องจากเป็นเมืองชายแดนใต้สุดของประเทศไทย มีอาณาเขตติดกับประเทศมาเลเซีย มีด่านชายแดน 3 ด่าน ประกอบด้วย ด่าน อ.ตากใบ ด่าน อ.สุไหงโก-ลก และด่าน อ.แว้ง นอกจากนี้จังหวัดยังมีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งทะเล หาดทราย ภูเขา และน้ำตก ที่สำคัญยังเป็นดินแดนพหุวัฒนธรรมที่หลากหลายของพี่น้องมุสลิม-พุทธ-เชื้อสายจีน ที่มีความแตกต่างเรื่องภาษา อาหาร และการแต่งกายแต่ก็สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข โดยจังหวัดจะส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชมและสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของพี่น้องชาว จ.นราธิวาส

       “ที่ อ.สุคิริน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของ จ.นราธิวาส เนื่องจาก ต. ภูเขาทอง ชาวบ้านจากภาคอีสานเข้ามาประกอบอาชีพร่อนทองขายจำนวนมาก ทำให้ในแต่ละปีมีการจัดประเพณีบุญบั้งไฟขึ้น นอกจากนี้ทุกปี อ.สุไหงโก-ลก มีการจัดกิจกรรมสมโภชเจ้าแม่โต๊ะโมะ มีการแข่งขันเชิดสิงโตนานาชาติ มีประเทศจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน ลาว ออสเตรเลียส่งทีมเชิดสิงโตเข้าร่วมแข่งขันซึ่งจังหวัดได้เข้าไปส่งเสริมกิจกรรมดังกล่าวเช่นกันผอ.ท่องเที่ยวและกีฬา จ.นราธิวาส กล่าว

       อย่างไรก็ตามรายได้จากการท่องเที่ยวของ จ.นราธิวาส ประมาณเกือบ 2,000 กว่าล้านบาทต่อ 1 ปี นักท่องเที่ยวที่เข้ามาร้อยละ 70 เป็นชาวมาเลเซียขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่ที่ร้อยละ 30 อย่างไรก็ตามการเตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวขณะนี้ทาง ผวจ. นราธิวาส มีนโยบายในการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของจังหวัด และพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว โดยมั่นใจว่าโรงแรมและที่พักในพื้นที่ จ.นราธิวาสที่มีอยู่เกือบ 5,000 กว่าแห่งสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างเพียงพอ ส่วนมาตรการการรักษาความปลอดภัยทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน ทั้ง3 ฝ่าย ได้ช่วยกันดูแลอย่างเข้มข้น ส่วนชุมชนก็ช่วยกันดูแลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามา








------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น