กรมวิชาการเกษตร จับมือ เทศบาลนครยะลา หนุนปลูกกาแฟทดแทนยางพาราเสื่อมโทรม วางแผนการตลาดชูรสชาติเป็นลักษณะเฉพาะถิ่น เตรียมสำรวจพื้นที่ปลูกเพิ่มอีก 2
จังหวัดชายแดนใต้
ชี้ตลาดกาแฟรุ่งความต้องการเพิ่มทุกปี
ดร.เสริมสุข สลักเพ็ชร์
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร
เปิดเผยว่า
กรมวิชาการเกษตรและเทศบาลนครยะลาได้ร่วมประชุมหารือปัญหาภาคการเกษตรในจังหวัดยะลา
โดยเห็นชอบร่วมกันจัดทำโครงการส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดยะลาปลูกกาแฟเป็นพืชทางเลือกทดแทนสวนยางพาราที่เสื่อมโทรม
และมีปัญหาด้านราคาตามนโยบายการลดพื้นที่ปลูกยางพาราของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือปลูกเป็นพืชเสริมรายได้ในระบบการปลูกพืชแบบผสมผสานตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
เพื่อให้เกษตรกรในจังหวัดยะลามีอาชีพที่มั่นคง และมีเสถียรภาพ โดยมอบหมายให้ศูนย์วิจัยพืชสวนยะลา ซึ่งเป็นหน่วยงานในพื้นที่ของกรมวิชาการเกษตรเข้าดำเนินการร่วมกับเทศบาลนครยะลา ศูนย์วิจัยพืชสวนยะลา
ได้วิจัยการปลูกกาแฟโรบัสต้าตั้งแต่ปี 2555 พบว่ามีการเจริญเติบโตดี ให้ผลผลิตเฉลี่ย 290 กิโลกรัม/ไร่
ตอบสนองได้ดีในสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศของจังหวัดยะลา ส่วนด้านคุณภาพคะแนนคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดี
มีฟองครีมหนา มีกลิ่นหอมของถั่ว รสเปรี้ยวของกรดมะนาว รสชาติอยู่ในกลุ่ม Brown
sugar ซึ่งไม่พบในกาแฟโรบัสต้าที่ปลูกจากแหล่งอื่น
และสามารถที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งปลูกกาแฟที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า
เมื่อปี 2560
ที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรละเทศบาลนครยะลาได้มอบต้นพันธุ์กาแฟโรบัสต้าให้แก่เกษตรกรจำนวน
40,000 ต้น คิดเป็นพื้นที่ปลูกประมาณ 225 ไร่
และได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตกาแฟโรบัสต้าพร้อมกับจัดทำแปลงต้นแบบเทคโนโลยีการผลิตกาแฟ โรบัสต้าให้เกษตรกรได้เข้ามาศึกษาดูงานภายในศูนย์วิจัยพืชสวนยะลา
รวมทั้งยังขยายผลสู่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร
(ศพก.) อ.ธารโต จ.ยะลาโดย จัดทำแปลงต้นแบบการปลูกกาแฟ ในพื้นที่ อบต.คีรีเขต
อ.ธารโต จ.ยะลา เพื่อเป็นแปลงเรียนรู้การผลิตกาแฟในระดับพื้นที่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกกาแฟโรบัสต้าเป็นพืชเสริมรายได้ ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตรอยู่ระหว่างการผลิตต้นพันธุ์กาแฟ
จำนวน 100,000 ต้น คิดเป็นพื้นที่ปลูกประมาณ 560 ไร่
เพื่อรองรับความต้องการของเกษตรกรจังหวัดยะลาที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการปลูกกาแฟทดแทนสวนยางพาราที่เสื่อมโทรม
นอกจากนี้ศูนย์วิจัยพืชสวนยะลายังร่วมกับเทศบาลนครยะลา
และห้างหุ้นส่วนจำกัด Southern Agriculture Product Limited
Partnership (SAP) พัฒนาการแปรรูปกาแฟเพื่อให้ได้รสชาติที่มีอัตลักษณ์พื้นถิ่น มีการสร้างแบรนด์ที่เป็นอัตลักษณ์ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัดยะลาและมีการเชื่อมโยงการตลาดระหว่างเกษตรกรกับโรงงานแปรรูปกาแฟ
“จังหวัดยะลาถือเป็นจังหวัดต้นแบบนำร่องโครงการปลูกกาแฟทดแทนยางพารา
ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้รับการประสานให้หาพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกกาแฟตามโครงการเพิ่มขึ้นในอีก
2 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จังหวัดปัตตานี
และนราธิวาสด้วย
เนื่องจากปัจจุบันตลาดมีความต้องการกาแฟเพิ่มขึ้นทุกปี
ผลผลิตที่ได้ไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ โดยในปี 2560
มีการนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบปริมาณ 55,641 ตัน คิดเป็นมูลค่า 4,359 ล้านบาท ซึ่งสัมพันธ์กับประชากรไทยที่บริโภคกาแฟเพิ่มขึ้น 3-5
เปอร์เซ็นต์ต่อปี” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว
----------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น