"การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่มุ่งเน้นสร้างรายได้และความเจริญความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจโดยให้ภาคเอกชน
ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกับภาครัฐ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ มั่นคง
มั่งคั่ง ยั่งยืน
ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือ OTOP"
หนึ่งในแนวคิด
OTOP
นวัตวิถี ที่ภาครัฐผลักดันจนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชุมชน
ความกระตือรือร้น
การร่วมแรงแข็งขันเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อันเป็นภูมิปัญญานำสู่ความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน
ผ่านเรื่องราวเสน่ห์ความงดงามของวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี
รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในชุมชน ซึ่งเป็นต้นทุนของชุมชนที่มีอยู่แต่เดิมให้กลายเป็นจุดดึงดูด
เพื่อนำพานักท่องเที่ยวมาสู่ชุมชน
และผลักดันให้เกิดกำลังซื้อสินค้าและบริการของชุมชนที่มีชาวบ้านเป็นผู้ผลิต
เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ฐานราก
ในความเป็นชุมชนที่ติดทะเล
คนส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก มีวิถีชีวิต วัฒนธรรม ในแนวทางเดียวกัน
สามารถทำทุกอย่างร่วมกันได้ อย่างไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้น จึงทำให้ชุมชนบ้านปาเระ
หมู่ที่ 1 ตำบลบาราโหม อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี เป็นหนึ่งใน 50
ชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบนวัตวิถีโดยการนำภูมิปัญญาการทำว่าวบูลันและกระต่ายขูดมะพร้าว
(บาราโหม)การทำว่าวบูหลัน
ซึ่งตำบลบาราโหมขึ้นชื่อเรื่องว่าวเป็นอย่างมาก เพราะเคยแข่งขันชนะในระดับ 3 จังหวัด ไม่ว่าจะเป็นการแข่งด้านทักษะหรือความสวยงาม
ว่าวที่นี่ก็ไม่เคยแพ้ที่ไหนมาก่อน นอกจากว่าวบูหลันแล้ว ก็ยังมี ว่าวดอกชบา
ว่าวมลายูพื้นบ้าน ว่าวนก ว่าวโนราห์ ว่าวลาแย เป็นต้น สำหรับวิธีการผลิตว่าวนั้น
ใช้ไม้ไผ่มาเหลาโดยใช้มีดเหล่าที่ใช้ทำว่าวโดยเฉพาะ
สีที่ใช้คือสีโปสเตอร์วาดลวดลาย ระยะเวลาการทำขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของว่าว
ใช้เวลาตั้งแต่ 20 วัน ถึง 1 เดือน
กระต่ายขูดมะพร้าว
หรือ กอแร ในภาษาถิ่น เป็นภูมิปัญญาที่เกิดขึ้นโดยชาวบ้านเอง
สลักลายมลายูเป็นรูปสิงห์อันนี้เป็นงานแฮนด์เมดแกะสลักไม้ล้วนๆอยู่ในราคาตั้งแต่ 3,000- 25,000 ใครที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์
ต.บราโหม ยังคงมีร่องรอยอารยธรรมจากสุสานพญาอินทิรา หรือสุลต่านอิสมาอีล ชาห์
ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 บ้านปาเระ ตำบลบาราโหม อำเภอเมืองปัตตานี
อันเป็นสถานที่ฝังพระศพของเจ้าเมืองปัตตานีพระองค์แรกที่นับถือศาสนาอิสลาม
และสถาปนาเมืองปัตตานีเป็นนครปาตานีดารุสสาลาม นอกจากนั้นยังมีสุสานราชินี 3 พี่น้อง หรือสุสานกษัตริย์หญิงสามพระองค์คือ รายาฮีเยา รายาบีรู
และรายาอูงู ให้เข้าชมได้อีกด้วยจ้ะ
"เราใช้สื่อในการบอกเล่า คนที่เข้ามาท่องเที่ยวจริงๆ
คนที่เข้ามาสัมผัสจริงๆ
จะเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุดในเรื่องของการท่องเที่ยว
กระแสท่องเที่ยวภูมิปัญญานับว่าเป็นส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในอันที่จะส่งเสริมด้านเศรษฐกิจชุมชน
ซึ่งได้มาจากนักท่องเที่ยวที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ชาวมาเลเซียและจากกรุงเทพ
ถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่โด่งดังและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กระแสตอบรับดีมากด้วย"
นายอูเซ็ง เบญนูรุดดีน กำนันตำบลบาราโหม อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
การท่องเที่ยวที่ผูกพันกับชุมชน
คือการที่คนในขุมขนสร้างความสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยว
และนักท่องเที่ยวจะกลับมาหาชุมชนอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น