สิ้นปีแล้วสินะ แพลนเที่ยวปีใหม่ยังไม่มีเลย
ใจอยากไปเที่ยวที่ใคร ๆ เขาไปกัน แต่อีกใจก็คิดนะวันหยุดรถติด ผู้คนพลุกพล่าน
ไม่อยากไปเจอความวุ่นวาย แต่แล้วเสียงในหัวก็ดังขึ้นว่า “ไปทะเลซิ เที่ยวทะเลดีกว่า ไป“นั่งโง่ๆ” ที่ทะเล แล้วค่อยกลับก็ได้” แต่เดี่ยวนะทะเลวันหยุดคนก็เยอะไปหรือเปล่า
แล้วจะเที่ยวทะเลที่ไหนดีหละ?????.......
หลายคนมักจะมีความรู้สึกแบบนี้ค่ะ
และมักจะมีเสียงทะเลาะกับความรู้สึกของตัวเองตลอดเวลา ก็แหม๋...วันหยุดนี่นา จะให้อยู่กับที่ก็กระไรอยู่
ไปเที่ยวดีกว่า แต่จะเที่ยวที่ไหนดี หรือเที่ยวทะเลที่ไหนดี?...ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพราะวันนี้ ล่องใต้ชายแดน อยากให้คุณเปิดใจ
เปิดมุมมองใหม่ ลองมาเที่ยวทะเลปัตตานีกันค่ะ เที่ยวเมืองรองสุขใจทะเลใกล้บ้านชายแดนใต้สวยงามกว่าที่ใดน่ะ
ทริปนี้เป็นทริปเที่ยวทะเลปัตตานี 2
วันหนึ่งคืน การเดินทางของเราเริ่มต้นจากตัวเมืองปัตตานีโดยใช้เส้นทางหมายเลข 42
เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี หมายเลข 2062 จุดหมายของเราครั้งนี้คือ
ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ซึ่งเราจะพาเที่ยว 2 หมู่บ้าน คือบ้านดาโต๊ะ
และบ้านปาตาบูดี จะพาไปดูวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่กันค่ะ
เพราะว่านอกจากจะมีเรื่องราวของทะเลแล้ว ความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่ก็ช่างเรียบง่ายจริงๆนะคะ
วันแรกเราเลือกที่จะเที่ยวบ้านดาโต๊ะกันก่อนค่ะ
เชื่อไหมคะที่นี่นอกจากด้านหลังจะเป็นทะเลสวยๆด้านหน้ายังเป็นโกงกาง
และในหมู่บ้านก็ยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย
เขาว่าเรื่องเล่าและเรื่องราวของหมู่บ้านมีบันทึกความเป็นมายาวนาน 200 กว่าปี
เท่ายุคสมัยรัตนโกสินทร์ทีเดียวค่ะ
ทั้งมัสยิดดาโต๊ะที่ก่อสร้างร่วมสมัยกับมัสยิดกรือเซะ
สุสานยะหริ่งหรืออีกชื่อหนึ่งว่าสุสานตนกูปะสา สุสานโต๊ะยาว
ซึ่งมีเรื่องเล่ากล่าวขานกันมาถึงทุกวันนี้ ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองค่ะแล้วจะทึ่ง
ใครจะไปคิดว่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของปัตตานีที่อยู่ในมุมเล็กๆแห่งนี้จะมีความสวยงามและน่าสนใจเช่นนี้
เรียนรู้ประวัติศาสตร์กันพอสมควรเราก็เที่ยวต่อค่ะ
ไปล่องเรือชมโกงกางกันบ้าง โกงกางที่นี่เรามากี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ
เพราะมาทุกครั้งก็รู้สึกสบายใจทุกครั้งไปก็มันสวยจริงๆนี่นา อิ่มเอมใจกับธรรมชาติตรงหน้าฟ้าเริ่มตกแดดอ่อนๆ
ก่อนตะวันลับฟ้าสวยงามมาก เราขึ้นจากเรือแล้วไปที่ทุ่งหญ้าสีทองกันต่อค่ะ
ทุ่งหญ้าที่นี่ยามต้องแสงอาทิตย์จะเป็นสีทองเต็มทุ่งไปหมดเลย
นับว่าเป็นแหล่งเช็คอินแห่งใหม่สำหรับขาชิวล์เลยค่ะ มาถ่ายรูปชิคๆ องศาดีมาก บอกเลยมาคุ้มสุดๆ
เราปิดท้ายของวันแรกที่นี่กันค่ะมองหาที่พักริมทะเลซึ่งมีเยอะมากแล้วแต่จะเลือกเลย
เราได้ที่พักเรียบร้อยก็พร้อมพักเอนกายแล้วหละค่ะ
เพราะพรุ่งนี้เช้าเรามีนัดกับอาทิตย์ยามเช้าต้องรีบนอนค่ะ
เอ้ก อีเอ้ก เอ้ก
.....เสียงไก่ขันยามเช้าปลุกเราจากที่นอนพร้อมๆกับเสียงนาฬิกาปลุกที่เราตั้งไว้ก่อนนอนเมื่อคืน
ที่ตั้งไว้ก็กลัวว่าจะตื่นมาไม่ทันแสงยามเช้าก็ที่เรานอนสบายมากๆ
ได้ยินเสียงคลื่นดัง สาดซา กล่อมให้หลับสบายเชียวค่ะ
ไม่รอช้าเรากุลีกุจอเก็บอุปกรณ์ถ่ายภาพเพื่อเก็บแสงแรกของวันใหม่
พร้อมแล้วก็ออกเดินทาง จับนาฬิกามาดูอีกครั้ง 05.00 น. ทันเก็บแสงแรกแน่นอน
เรามาถึงสุดทางของเป้าหมายแล้ว
ที่เราอยู่ตรงนี้เรียกว่า แหลมตาชี เป็นปลายแหลมที่ทอดยาวยื่นออกไปสุดทะเล
และนี่คือหมู่บ้านที่2 ของการเที่ยวของเราวันนี้ บ้านปาตาบูดี นั่นเองค่ะ
เรานำรถมาจอดตรงที่ท่าเทียบเรือประมงพื้นบ้าน
แล้วนั่งรถโชเลย์ต่อเข้าไปสุดปลายแหลม เราได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่บ้าน ม.3
ในการอำนวยความสะดวกให้กับทีมของเราในครั้งนี้
มาถึงปลายแหลมจังหวะแสงแย้มออกมาพอดี ตั้งกล้องเก็บภาพ แล้วนั่งมองแสงแรกของวันที่ออกมาทักทายสวยสะดุดตาจริงๆค่ะ
เรานั่งยิ้มกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
แสงที่ค่อยๆเปลี่ยนสีทุกครั้งที่อาทิตย์กำลังจะขึ้น สีส้ม สีแดง สีเหลือง สีทอง
แล้วแต่ใครจะจินตนาการ
มองไปตรงเส้นขอบฟ้าเรือประมงแล่นออกมาข้ามผ่านอาทิตย์ดวงโตที่อยู่ตรงหน้าช่างสวยงามรู้สึกประทับใจกับภาพที่เห็นอย่างอธิบายไม่ถูกเชียวค่ะ
ชาวบ้านเริ่มออกมาหาปลา บ้างจับแห บ้างถือกระบุง อุปกรณ์หาเลี้ยงชีพของตัวเอง
พร้อมสายตาที่จับจ้องตรงทะเลเบื้องหน้า
เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายที่หลายคนน้อยนักจะได้มาสัมผัสแบบใกล้ชิดเยี่ยงนี้
เราเก็บแสงแรกยามเช้าและวิถีประมงเวลาก็ล่วงเลยเกือบ 08.00 น.
เราเก็บอุปกรณ์เดินทางกลับที่พักเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเตรียมท่องหมู่บ้านที่ 2 ของวันนี้กันต่อค่ะ
ออกจากที่พักท้องก็ฟ้องว่าหิวแล้ว
เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรลงท้องเลย เราเลือกแวะหาร้านในชุมชนมาทานเป็นมื้อเช้า
เชื่อไหมค่ะว่าที่นี่เขาต้อนรับเราดีมาก แล้วเมนูอาหารที่นี่ช่างเรียบง่ายเสียจริง
เมนูพื้นถิ่นเลือกทานได้ตามที่ชอบทั้งข้าวยำ ข้างแกง ขนม ข้าวเหนียว
นั่งจิบชาเบาๆได้อรรถรสมากมายนัก ช่างโดนใจ
เป็นมื้อที่พิเศษที่เคยได้ทานเลยค่ะไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องแพง แต่อร่อยเหมือนลอยได้
กองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงๆค่ะ
อิ่มท้องแล้วมีแรงเที่ยวต่อ เราเข้าไปในชุมชนที่บ้านปาตาบูดี
ไปดูชาวบ้านเขาแกะสลักของเล่นต่างๆจากกาบมะพร้าว แกะสลักงานไม้
ออกมาสวยมากนำเป็นของฝากได้ด้วยนะคะ
จากนั้นไปดูงานแกะสลักเรือกอและ
และงานร่มค่ะ
ลวดลายที่บรรจงลงในชิ้นงานเป็นเอกลักษณ์ของคนปัตตานีสวยงามสะดุดตาอีกแล้ว
เป็นของฝากของขวัญให้กับคนพิเศษได้ไม่ยากเลยค่ะ
ทริปนี้เป็นทริปที่มีความสุขแบบใจพองโตจริงๆค่ะ ได้มาสัมผัสธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตผู้คน
วิถีประมง ธรรมชาติช่างรังสรรค์ความสวยงามไว้เสมอ แล้วคุณจะรออะไรหละคะ มาเปิดใจ
ลองแล(ล่องเล)ปัตตานี สักครั้ง แล้วหัวใจของคุณจะพองโตแบบเรา
หวังว่าทริปที่เราพามาวันนี้จะเป็นทริปสิ้นปีของทุกคนและเป็นทริปที่อยู่ในใจของทุกคนด้วยนะคะ
ทริปหน้าเจอกันใหม่เราจะไปที่ไหนติดตามกันต่อค่ะ
--------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น