คนไทยนิยมเลี้ยงและนิยมเล่นนกเขาชวามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ในอดีตจะนิยมเลี้ยงและเล่นกันในราชสำนัก ข้าราชบริพาร ขุนนาง คหบดี
และประชาชนที่สูงอายุเท่านั้น มักจะจัดการแข่งขันในงานนักขัตฤกษ์ และงานชมรม
สมาคมเกี่ยวกับนกเขาชวารวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ก็มักจัดให้มีการแข่งขันเป็นครั้งคราว
แต่ปัจจุบันการเลี้ยงและการจัดการแข่งขันนกเขาชวาเสียง แพร่กระจายมาสู่พ่อค้า
ประชาชน และบุคคลในระดับต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ
จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และสงขลาบางส่วน ประชาชนนิยมเลี้ยงและเล่นนกเขาชวามาช้านาน
โดยกระจัดกระจายอยู่ตามหมู่บ้าน ตำบลต่าง ๆ และจัดให้มีการแข่งขันในกลุ่มเล็ก ๆ
เฉพาะที่สนใจเท่านั้น ไม่มีหลักฐานปรากฏยืนยันได้ว่าการจัดการแข่งขันนกเขาชวาเสียงเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใด
แต่เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักเลงนกเขาว่า การแข่งขันนกเขาชวาเสียงที่ยิ่งใหญ่เป็นที่สนใจของผู้นิยมเลี้ยงนกมากที่สุด
คือ การแข่งขันนกเขาชวาเสียงชิงถ้วยพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำในช่วงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี ณ สนามโรงพิธีช้างเผือก
อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
ในปี
พ.ศ.2529 เทศบาลเมืองยะลา ร่วมกับจังหวัดยะลา
ชมรมผู้เลี้ยงนกเขาชวาเสียงจังหวัดยะลา และชมรมผู้เลี้ยงนกเขาชวาเสียงภาคใต้
โดยการสนับสนุนของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
ได้ร่วมกันพัฒนาสนามแข่งขัน และกติกาการแข่งขันให้มีมาตรฐานเพิ่มขึ้น
ตลอดจนความคิดที่จะพัฒนาเสริมสร้างประโยชน์ให้กับท้องถิ่นในด้านเศรษฐกิจจึงได้กำหนดให้มีการแข่งขันนกเขาชวาเสียงชิงชนะเลิศในระดับอาเซียน
ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2529 ณ สนามโรงพิธีช้างเผือก อำเภอเมือง
จังหวัดยะลา โดยการใช้ชื่อในการจัดการแข่งขันว่า
"การจัดงานแข่งขันนกเขาชวาเสียงชิงแชมป์กลุ่มประเทศอาเซียนครั้งที่ 1"
สาเหตุที่ใช้คำว่า "อาเซียน"
เพราะมีประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงเข้าร่วมแข่งขันด้วย คือ มาเลเซีย สิงคโปร์
อินโดนีเซีย และบรูไน ซึ่งประเทศดังกล่าวนี้มีวิถีชีวิต
วัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ของไทย ได้มีการแลกเปลี่ยน สนับสนุนเกื้อกูลกันในเรื่องต่าง ๆ มาตลอด ที่สำคัญคือ
มีความชื่นชอบและนิยมเลี้ยงนกเขาชวาเสียงเหมือนกัน
จึงเกิดเป็นความสัมพันธ์ทางสังคม คือ สังคมนกเขาชวาเสียงตลอดมา
การจัดการแข่งขันนกเขาชวาเสียงครั้งแรกมีผู้ส่งนกเข้าแข่งขันมากถึง 1,206 นก ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้นิยมเสียงนกเขาชวาเสียง
และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดยะลา และประเทศไทยเป็นอย่างมาก
วงการนกเขาชวาเสียงมีความตื่นตัว มีการซื้อหา และจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย
ตลอดจนขยายกิจการฟาร์มเพาะเลี้ยงนกเขาชวาเสียงเพิ่มขึ้น เกิดธุรกิจนกเขาชวาเสียงและสินค้าอื่นๆ
ที่เกี่ยวกับการเลี้ยงนกเขาชวาเสียงเกิดขึ้นตามมาเช่น ข้าวเปลือกนกเขา ดอกหญ้า
กรงนกและอุปกรณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงดูแลนก
หลังจากนั้นการแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน
ของจังหวัดยะลาได้จัดให้มีการแข่งขันตลอดมาเป็นประจำทุกปี โดยได้พัฒนากิจกรรมต่าง
ๆ ตลอดมา จนกระทั่งครั้งที่ 6 ได้เปลี่ยนชื่อในการจัดการแข่งขันจาก
"การจัดงานแข่งขันนกเขาชวาเสียงชิงแชมป์กลุ่มประเทศอาเซียน" เป็น
"จัดงานแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน ครั้งที่…….….." เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันปีพ.ศ.2543 ได้จัดการแข่งขันครั้งที่14 รวมมีนกเข้าร่วมแข่งขันมาแล้วทั้งสิ้นประมาณ 30,000 นก
บรรยากาศความคึกคัก
สนุกสนาน รอยยิ้มที่ทักทายกันด้วยความรัก ความเป็นมิตร
ของผู้คนมากมายที่ไม่ได้คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนาและฐานะ พร้อมกับความหวัง
จะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคมของทุก ๆ ปี ในงานการจัดการแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนของจังหวัดยะลา
จนถือเป็นประเพณีของจังหวัดยะลาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้บรรจุงานแข่งขันนกเขาชวาเสียง
อาเซียนลงในปฏิทินการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเผยแพร่ไปสู่สายตาชาวโลกอีกด้วย
ความสำคัญ
งานแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนของจังหวัดยะลานับเป็นกิจกรรมระดับชาติกิจกรรมหนึ่งที่นอกจากจะเป็นสื่อมิตรภาพที่สามารถเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนต่างเชื้อชาติ
ศาสนา ฐานะ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน
ได้สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ตลอดจนก่อให้เกิดความรัก ความเข้าใจและความร่วมมือซึ่งกันและกันแล้ว
กิจกรรมดังกล่าวยังช่วยเสริมสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น
ทำให้เศรษฐกิจของภาคใต้ดีขึ้น
ชาวบ้านหลายครอบครัวมีรายได้จากการผสมนกเขาชวาขายจนสามารถสร้างบ้านใหม่
สามารถซื้อรถกระบะสำหรับบรรทุกนกเขาชวาไปขายต่างถิ่นได้ ส่วนผู้มีฝีมือก็ประดิษฐ์กรงนกเขาชวาออกขายได้ราคาดีตามความประณีตของฝีมือ
หลายคนเปลี่ยนอาชีพจากการทำเฟอร์นิเจอร์มาทำกรงนกเขาชวาขาย
บางคนเป็นข้าราชการแต่ทำเป็นอาชีพเสริม
ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าหลายคนเปลี่ยนมาเย็บผ้าคลุมกรงนกเขาชวาเสียง
ซึ่งมีรายได้มากกว่าตัดเย็บเสื้อผ้าหลายเท่า
นอกจากนี้ในช่วงฤดูกาลของการจัดการแข่งขัน ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม
จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากผู้คนทั่วทุกสารทิศทั้งในและต่างประเทศ
ทำให้ประชาชนในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียง
นับได้ว่านกเขาชวาเสียง และการจัดงานแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนของจังหวัดยะลา
มีบทบาทในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของชาวบ้านในท้องถิ่นและประเทศชาติได้เป็นอย่างดีตลอดจนได้เสริมสร้างความรักสามัคคีให้เกิดขึ้นระหว่างคนในชาติและกลุ่มประเทศในอาเซียนอีกด้วย
นอกจากนี้คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้นำรายได้จากการจัดกิจกรรมดังกล่าวมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนในโรงเรียนสังกัดเทศบาลที่ยากจน
และทุนการศึกษาการสอบแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกชิงทุนนกเขาชวาอาเซียน
ให้กับสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดยะลาเป็นประจำทุกปี
------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น