บ้านตะโละมาเนาะ ตำบลลุโบะสาวอ
ห่างจากจังหวัดนราธิวาส เป็นระยะทาง 25 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 42
แล้วแยกที่บ้านบือราแง นายวันฮูเซ็น อัส-ซานาวี ผู้อพยพมาจากบ้านสะนอยานยา
จังหวัดปัตตานี เป็นผู้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2167 เริ่มแรกสร้างหลังคามุงใบลาน
ต่อมาเปลี่ยนเป็นกระเบื้องดินเผา ลักษณะของมัสยิดมีความแตกต่างจากมัสยิดทั่วไป
คือเป็นอาคาร 2 หลังติดต่อกัน สร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหลัง
ลักษณะการสร้างจะใช้ไม้สลักแทนตะปู
รูปทรงของอาคารเป็นแบบไทยพื้นเมืองประยุกต์เข้ากับศิลปะจีน และมลายูออกแบบได้ลงตัว
ส่วนเด่นที่สุดของอาคาร คือ เหนือหลังคาจะมีฐานมารองรับจั่วบนหลังคาอยู่ชั้นหนึ่ง
ส่วนหออาซานซึ่งมีลักษณะเป็นเก๋งจีน ก็ตั้งอยู่บนหลังคาส่วนหลัง
ฝาเรือนใช้ไม้ทั้งแผ่นแล้วเจาะหน้าต่าง ส่วนช่องลมแกะเป็นลวดลาย ใบไม้
ดอกไม้สลับลายจีน
คำว่า “ตะโละ” เป็นคำภาษามลายู
แปลว่าอ่าว หรือแผ่นดินซึ่งเว้าเข้าไปในเชิงเขา ส่วนคำว่า “มาเนาะ”
ชาวบ้านบางคนบอกว่าเป็นชื่อต้นไม้ โดยในพจนานุกรม ระบุว่า “มานุก”
แปลว่านกหรือไก่ ดังนั้น ตะโละมาเนาะ ก็คือถิ่นของนกหรือถิ่นของไก่
เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ติดริมลำธาร
ซึ่งในอดีตเป็นที่อาศัยหรือแหล่งหากินของนกและไก่ป่า
รวมทั้งสัตว์ป่าอื่นๆอีหลายชนิด
มัสยิดนี้แตกต่างจากมัสยิดอื่นตรงที่สร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหลัง
อาคารจะใช้สลักไม้ยึดแทนตะปูหรือสกรูเหล็ก
เป็นการสร้างแบบศิลปไทยพื้นเมืองประยุกต์ ผสมผสานกับศิลปแบบจีนและมลายู
ตัวมัสยิดสร้างเป็นอาคาร 2 หลังติดกัน มีขนาด 14.20×6.30
เมตร ส่วนที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นหลังคา หลังแรกจะมีหลังคา 3 ชั้น
มุงด้วยกระเบื้องดินเผา หลังคาชั้น 3 มีโดมเป็นเก๋งจีน ส่วนที่ 2 จะมีหลังคา 2
ชั้นหลังคาชั้นที่ 2 เป็นจั่วรูปฐานรองรับอยู่บนหลังคาชั้นแรก
รอบฐานจะแกะสลักเป็นเถาก้าน เจาะเป็นลวดลายต่าง ๆ อย่างสวยงาม
ด้านในจะมีบันไดซึ่งสมัยก่อนใช้ขึ้นไปบนหออะซานหลังคาชั้นที่ 2
เพื่อตะโกนเรียกละหมาด
เมื่อประมาณ 30
กว่าปีมาแล้ว อาคารของมัสยิดหลังเก่าถูกต่อเติม
ขยายเนื้อที่ในการใช้สอยให้กว้างขึ้น
เพื่อรองรับความต้องการของผู้คนที่หลั่งไหลกันมาประกอบศาสนกิจที่มัสยิดแห่งนี้
การก่อสร้างยังอิงความรู้สึกของผู้คนอยู่
กรมศิลปากรจึงเนรมิตอาคารหลังใหม่ที่เชื่อมต่อจากอาคารหลังเก่า
ด้วยความพิถีพิถันประณีตและดูกลมกลืนมากที่สุด
ปัจจุบันมัสยิดนี้ยังใช้เป็นสถานประกอบศาสนกิจของชาวมุสลิม
หากต้องการเข้าชมภายในต้องได้รับอนุญาตจากโต๊ะอิหม่ามประจำหมู่บ้าน
โดยทั่วไปเข้าชมได้บริเวณภายนอกเท่านั้น นอกจากนั้นหมู่บ้านตะโละมาเนาะในอดีตยังเป็นแหล่งผลิตคัมภีร์อัลกุรอาน
ที่เขียนด้วยมือด้านข้างมัสยิดมีสุสานชาวมุสลิม
ถ้าเป็นของผู้ชายหินที่ประดับอยู่บนหลุมฝังศพจะมีลักษณะกลม
ถ้าเป็นของผู้หญิงจะเป็นหินเพียงซีกเดียว
-----------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น