“วาเด็ง
ปูเต๊ะ” พระสหายแห่งสายบุรี
สามัญชนผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นพระสหายของพระเจ้าแผ่นดิน ประวัติ
วาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรี เมื่อปี พ.ศ.2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงเสด็จพระราชดำเนินไป
อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และมีรับสั่งต้องการพบตัว วาเด็ง ปูเต๊ะ หรือ “เป๊าะเด็ง” เพื่อสอบถามเรื่องการสร้างฝายกั้นน้ำคลองน้ำจืดบ้านทุ่งเค็จ
ต.แป้น อ.สายบุรี “วันนั้น วาเด็ง ปูเต๊ะ
กำลังทำสวนอยู่กับภรรยา (นางสาลาเมาะ ปูเต๊ะ) บริเวณประตูน้ำบ้านบาเลาะ
ต.ปะเสยะวอเป็นป่าทึบ ก็มีคุณหญิงคนหนึ่งมาบอกว่า ในหลวง
ต้องการพบตัวแต่ภรรยาไม่กล้าไปพบ จนกระทั่งวาเด็ง ปูเต๊ะเลี้ยงโคกลับมา
ก็มีตำรวจมาตามเป็นครั้งที่สอง วาเด็ง ปูเต๊ะ ตกใจมากว่าตำรวจมาตามเรื่องอะไร
เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด จนกระทั่งสื่อสารกันเข้าใจว่า ในหลวง
ต้องการมาสร้างฝายกั้นน้ำคลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ ต.แป้น อ.สายบุรี
เพื่อช่วยเหลือเรื่องแหล่งน้ำแก่ชาวบ้านในการทำการเกษตร วาเด็ง ปูเต๊ะ ถึงกล้าไปพบ
แต่ตอนนั้น
วาเด็ง ปูเต๊ะ ยังไม่ค่อยเชื่อว่าพระองค์จะเข้ามาอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ จึงคิดว่าคนที่มาบอกโกหก
ขนาดมาพบพระองค์แล้ว วาเด็ง ปูเต๊ะ ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็น ในหลวง จริงหรือเปล่า
จึงแอบหยิบเงินใบละ 100
บาท กับใบละ 20 บาทขึ้นมาดู
จึงแน่ใจว่าเป็นพระองค์เสด็จฯ มาจริงๆ ตอนแรกที่พบ ในหลวง วาเด็ง ปูเต๊ะ
ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ เพราะตอนนั้นนุ่งโสร่งตัวเดียว เสื้อก็ไม่ได้ใส่ด้วย
แต่พอเข้าไปใกล้ๆ ในหลวงก็ตรัสเป็นภาษามลายูว่า จะสร้างคลองชลประทานให้
หลังจากนั้น ในหลวง
ท่านก็ทรงสอบถามเส้นทางการขุดคลองสายทุ่งเค็จว่ามีเขตติดต่อที่ไหนบ้าง
จึงได้เล่าให้ในหลวงทรงทราบว่าคลองเส้นนี้ทางเหนือจะติดเขตพื้นที่ อ.ศรีสาคร
จ.นราธิวาส ในหลวง ตรัสถามว่าหากออกไปทางทะเลจะมีเกาะกี่เกาะ วาเด็ง ปูเต๊ะ
ก็ตอบพระองค์ไปว่ามี 4 เกาะ ในหลวง
จึงทรงเอาแผนที่ที่นำติดตัวมาออกมาดูอีกครั้ง และตรัสชมว่า
วาเด็งเป็นคนรู้พื้นที่จริง… เหมือนกับชาวบ้านอีกหลายพื้นที่ที่พระองค์
เคยเข้าไปช่วยเหลือมาแล้ว พระองค์ยังตรัสด้วยว่า “ไม่ว่าจะไปช่วยใครที่ไหนก็ต้องถามเจ้าของพื้นที่ก่อน…
เพราะชาวบ้านจะรู้จริงกว่าคนอื่น”
วันรุ่งขึ้นข้าราชการที่มารับเสด็จก็ต้องตกตะลึงไปตามๆ
กัน เมื่อพระองค์ทรงรับสั่งให้ วาเด็ง ปูเต๊ะ
พายเรือให้พระองค์เพื่อทำการสำรวจคลองสายทุ่งเค็จ พระองค์มีพระราชดำรัสถาม
พร้อมเปิดแผนที่เพื่อให้รู้ว่าจะสร้างแหล่งชลประทานอย่างไร ตอนพายเรืออยู่ ในหลวง
ตรัสด้วยว่า “ให้วาเด็งทำตัวให้สบาย… มีอะไรที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็ให้เล่ามาตามความจริง”
วาเด็ง ปูเต๊ะ จึงบอก ในหลวง ว่าเมื่อถึงเวลาหน้าฝน น้ำจะท่วม
ทำนาไม่ได้ เมื่อถึงหน้าแล้ง ก็ทำนาไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน
พระองค์ก็ตรัสกับ วาเด็ง ปูเต๊ะ อย่างไม่ถือพระองค์และตรัสถามอีกว่า
ชาวบ้านทำการเกษตรอะไรบ้าง วาเด็ง ปูเต๊ะ
จึงตอบพระองค์ไปว่าชาวบ้านไม่เดือดร้อนอะไร ทุกคนทำการเกษตรตามวิถีชีวิตของคนชนบท
คือ ปลูกพืชผักสวนครัว และทำสวนไว้กินกันทุกบ้าน จากนั้น
ในหลวง คงจะทรงลองใจวาเด็ง ปูเต๊ะ จึงตรัสถามขอที่ดินเพื่อทำโครงการพระราชดำริ
ด้วยความปลาบปลื้ม วาเด็ง ปูเต๊ะ จึงขอยกที่ดินถวายให้พระองค์ทันที ในหลวง
จึงแย้มพระสรวล และมีพระราชดำรัสว่าให้ วาเด็ง ปูเต๊ะ เป็น “พระสหาย” ตั้งแต่บัดนั้น ในหลวง ตรัสเรื่องนี้ว่า “วาเด็งเป็นคนซื่อตรง… จึงขอแต่งตั้งให้วาเด็งเป็นเพื่อนของในหลวง”
พร้อมทรงชวนให้ วาเด็ง ปูเต๊ะ และภรรยาเดินทางไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ
และเมื่อพระองค์เสด็จฯ มาสามจังหวัดก็เรียกให้เข้าเฝ้าที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ทุกครั้งล่าสุด
ในหลวง ตรัสว่าให้วาเด็งหยุดทำงานได้แล้ว เพราะแก่แล้ว อายุมากแล้ว
ทรงเป็นห่วงสุขภาพ กลัวว่าทำงานหนักจะไม่สบาย” วาเด็ง ปูเต๊ะ
เล่าถึงเหตุการณ์วันที่ได้รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยไม่คาดฝัน
จนกระทั่งได้กลายมาเป็น “พระสหาย” แห่งสายบุรี
วาเด็ง
ปูเต๊ะ พระสหายแห่งลุ่มน้ำสายบุรี เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคชราในวัย 96 ปี ที่บ้านใน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 ส.ค. 2555 ปิดตำนานสามัญชนผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นถึงพระสหายของพระเจ้าแผ่นดิน
Cr.ที่นี่ชายแดนใต้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น