นางสาวมธุรส
ดีเสมอ วิทยากรพิเศษจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 24 ยะลา
ได้นำกลุ่มแม่บ้าน บ้านจาเราะกางา ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา
เข้าร่วมโครงการสร้างแรงงาน สู่เมืองต้นแบบ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ฝึกอบรมการทำกระเป๋าผ้าปาเต๊ะ และของที่ระลึก ระยะเวลา 30
ชั่วโมง
นางสาวมธุรส
ดีเสมอ วิทยากรพิเศษจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 24 ยะลา กล่าวว่า
ผ้าปาเต๊ะ เป็นเครื่องนุ่งห่มอันเป็นเอกลักษณ์ของชายหญิงแดนใต้
ด้วยสีสันและลวดลายที่สดใสสวยงาม บ่งบอกถึงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นได้อย่างดี
ซึ่งการวาดลวดลายจะไม่แตกต่างกับผ้าบาติกมากนัก
แต่ผ้าปาเต๊ะมีลวดลายที่ประณีตซับซ้อนกว่า และมีมากกว่าสองลายขึ้นไปบนผ้าผืนเดียว
จึงทำให้ผ้าปาเต๊ะมีความโดดเด่นสะดุดตา
การแต่งกายด้วยผ้าปาเต๊ะซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากแหลมมาลายู
สืบเนื่องมาจากการติดต่อค้าขายในอดีต แต่ปัจจุบันได้มีการนำผ้าปาเต๊ะมาประยุกต์ใช้ให้มีความหลากหลาย
ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า ผ้าพันคอ และอื่นๆ
ยิ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผ้าปาเต๊ะยิ่งดูมีคุณค่า กลายเป็นผ้าที่มีราคา
และเป็นที่ต้องการของคนทั่วไป ซึ่งทางสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 24 ยะลา ได้ร่วมกับกลุ่มแม่บ้าน บ้านจาเราะกางา อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
จัดโครงการสร้างแรงงาน สู่เมืองต้นแบบ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ฝึกอบรมการทำกระเป๋าผ้าปาเต๊ะ และของที่ระลึกขึ้น โดยนำผ้าปาเต๊ะ มาตัดเย็บ
เป็นกระเป๋า เสื้อผ้า พวงกุญแจ ปลอกหมอน และของฝากของที่ระลึก
นางไลณีย์
สาหะ รองประธานกลุ่มกลุ่มแม่บ้าน บ้านจาเราะกางา กล่าวว่า
จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้ราคายางตกต่ำลง ชาวบ้านจึงจำเป็นต้องหารายได้เสริม
แม่บ้านบ้านจาเราะกางา จึงได้มีการร่วมกลุ่มขึ้นมา
โดยได้รับการสนันสนุนวิทยากรพิเศษจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 24 ยะลา มาช่วยสอนการทำผลิตภันณ์ต่างๆ ที่มาจากผ้าปาเต๊ะ
เป็นการใช้เวลาว่างหลังจากอาชีพหลักให้เป็นประโยชน์
ได้ฝึกอาชีพและสร้างรายได้ของเราได้ในอีกหนึ่งช่องทาง
และยังสามารถสร้างความรักความสามัคคีกับคนในชุมชนอีกด้วย
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย มีตั้งแต่ราคาหลักสิบถึงหลักร้อย
กลุ่มลูกค้าจะเป็นส่วนราชการ ลูกค้าทั่วไป
เพราะช่วงนี้มีการรณรงค์ให้สวมใส่ชุดพื้นเมือง
โดยจุดจัดจำหน่ายนั้นจะจำหน่ายตามเครือข่าย OTOP และเครือข่ายต่างจังหวัด
ก่อนที่จะจัดจำหน่ายทางออนไลน์ตามช่องทางต่างๆต่อไปในอนาคต
ส่วนรายได้จากการจำหน่าย ก็จะนำมาเข้ากลุ่ม แบ่งให้กับสมาชิกต่อไป
-------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น