วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ผู้นำศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกร้องให้ชุมชนมุสลิม งดนำศพผู้ติดยาเสพติดทำพิธีในมัสยิด


ผู้นำศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกร้องให้ชุมชนมุสลิม งดนำศพผู้ติดยาเสพติดทำพิธีในมัสยิด ถือเป็นกรณีตัวอย่างกรณีแรก เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวต่อบาปตามหลักศาสนาอิสลาม ขณะเดียวกันเชื่อว่า ปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในต้นตอของปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยในวันอังคาร (8 พ.ย.59) นี้ นายอิสมาแอล ฮะรี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา กล่าวว่า ปัจจุบัน คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกมาตรการที่สอดคล้องกับนโยบายของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) โดยสั่งห้ามไม่ให้นำศพผู้ติดยาเสพติดเข้าประกอบพิธีในมัสยิด

เราชาวมุสลิมทุกคน ไม่เอา ไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ยานรกทุกชนิด ขอสนับสนุนอย่างจริงใจต่อมาตรการนี้ ขอให้อิหม่ามประจำมัสยิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้บ้านเรา นำมาตรการเช่นนี้ ไปบังคับใช้ในเขตของท่านด้วย และ ขอดูอาห์ให้เอกองค์อัลลอฮ์ จงชี้นำพี่น้องเราและศาสนิกอื่นสู่หนทางที่เที่ยงธรรม เเละห่างไกลจากยาเสพติด อบายมุขทั้งหลายทั้งปวงด้วยนายอิสมาแอลกล่าว

นายอิสมาแอล กล่าวว่า เชื่อว่าปัญหายาเสพติดคือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทาง กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า จึงได้ดำเนินนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้สามารถจับกุมผู้ขาย และยึดของกลางเป็นยาเสพติดจำนวนมาก ผู้นำทางศาสนาจึงได้ขานรับนโยบายในเรื่องนี้ด้วย


 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ตีพิมพ์งานวิจัยของนายแพทย์มูฮัมมัดฟาห์มี ตาเละ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ศกนี้ ที่มีข้อมูลว่ามีการจับกุมคดียาเสพติดในพื้นที่ได้เพิ่มมากขึ้นทุกปี ในห้วงปี 2557 ถึง 2558 จับกระท่อมได้  51.36 ตัน และยาบ้า 25 ล้านเม็ด ผู้เสพส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนทำงาน มีช่วงอายุผู้เสพมากที่สุด 20-24 ปี

นายซาการียา (ขอสงวนนามสกุล) ชาวบ้านในตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังตา จังหวัดยะลา กล่าวว่า ในต้นเดือนพฤศจิกายน 2559 ชาวบ้านร่วมกับผู้นำศาสนาได้ประกาศห้ามไม่ให้นำศพผู้เสพยาเสพติดรายหนึ่ง เข้าทำพิธีในมัสยิด ทำให้ครอบครัวต้องพาศพไปทำพิธีที่บ้าน และต้องนำศพไปฝังในสุสานที่ห่างไกลจากศพของคนอื่น ซึ่งถือว่าเป็นกรณีแรก และกรณีเดียวที่เกิดขึ้นถึงขณะนี้

การที่ผู้นำศาสนาในหมู่บ้านไม่เรียกคนมาร่วมละหมาดศพคนใช้ยาเสพติดกันมากๆ จะทำให้ผู้ใช้ยาเสพติดเกิดความรู้สึกไม่ดี เมื่อไม่มีใครมาสนใจให้ความสำคัญกับศพตัวเอง ตามกฏหมายอิสลามจะมีบทลงโทษที่ชัดเจนสำหรับผู้ใช่ยาเสพติด หนึ่งให้ตีจำนวน 40 ครั้ง   สอง ห้ามเป็นผู้ปกครองให้ลูกสาวที่จะทำพิธีแต่งงาน สามไม่รับรองการเป็นพยาน” 

ดร.อับดุลเลาะ กล่าวเพิ่มเติมว่า จะอนุญาตให้ผู้ที่เลิกยาเสพติด และมีความรู้สึกสำนึกผิดอย่างจริงใจ ให้สามารถทำพิธีกรรมทางศาสนาได้

ด้านพันเอกจตุพร กลัมพสุต ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองข่าวภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ระบุว่า กองทัพเชื่อว่าปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในปัจจัยของการก่อเหตุความวุ่นวายในพื้นที่ชายแดนภาคใต้


นับจากปี 2554 มีหลักฐานและมีการจับกุมยาเสพติดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้จำนวนมาก ซึ่งตีเป็นมูลค่า 200 ล้าน และเป็นหนึ่งของปัญหาภัยแทรกซ้อนที่ทำให้เกิดความไม่สงบในภาคใต้พันเอกจตุพร กล่าว

ด้านนายอิสมะแอ เยาวชนผู้เคยใช้ยาเสพติดจากจังหวัดยะลา ระบุว่า เห็นด้วยกับมาตรการทางสังคมที่เกิดขึ้น เนื่องจากเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวของชุมชน และผู้นำศาสนาจะช่วยแก้ปัญหายาเสพติดได้อย่างเด็ดขาด

การใช้ยาเสพติดผิดหลักศาสนาอิสลาม เพราะจะทำให้เราอยู่อย่างขาดสติ และอาจสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น เห็นด้วยถ้าจะมีการใช้มาตรการที่เด็ดขาดมาแก้ปัญหายาเสพติดนายอิสมาแอกล่าว


------------------


ข้อมูลโดย http://news.muslimthaipost.com/news/27480

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น