วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พิพิธภัณฑ์ริบลีส์ “เชื่อหรือไม่” (Ripley’s Thailand) มอบเกียรติบัตรรับรองบันทึกสถิติโลก “กวนอาซูรอ” ในกระทะที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริเวณโรงเรียนศรีชีวันวิทยา อ.รามัน จ.ยะลา


วันนี้ (23 พ.ย.) ที่โรงเรียนศรีชีวันวิทยา บ้านเจาะกาโป หมู่ที่ 6 ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต. ได้เดินทางมาเป็นประธานในกิจกรรมอาซูรอสัมพันธ์ ประจำปี 2559 ซึ่งเป็นการกวนอาซูรอ ในกระทะที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมี นายมะซุบรี สะอุโซะ ผอ.โรงเรียนศรีชีวันวิทยา, นายพงพันธ์ ยมมาศ นายอำเภอรามัน, นายเจษฎา จิตรัตน์ ปลัดจังหวัดยะลา, พ.อ.สิทธิศักดิ์ เจนบรรจง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 หัวหน้าส่วนราชการ พี่น้องประชาชนนับหมื่นคนเข้าร่วมกิจกรรม

ทั้งนี้ ตัวแทนของพิพิธภัณฑ์ริบลีส์ เชื่อหรือไม่” (Ripley’s Thailand) พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของโลก ได้มอบเกียรติบัตรรับรองว่า กระทะที่ใช้กวนอาซูรอในครั้งนี้ เป็นกระทะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งแต่มีการจดบันทึกสถิติ โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 10.2 เมตร


นายมะซุบรี สะอุโซะ ผอ.โรงเรียนศรีชีวันวิทยา เปิดเผยว่า สำหรับกิจกรรมอาซูรอสัมพันธ์ ประจำปี 2559 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรำลึกถึงวันสำคัญทางศาสนาอิสลามคือ วันอาซูรอ ซึ่งตรงกับวันที่ 10 เดือนมูฮัรรอม ในฮิจเราะห์ศักราชของทุกๆ ปี เพื่อแสดงถึงความรักความสมัครสมานสามัคคีของประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพื่อร้อยรวมดวงใจทุกดวงของประชาชนทุกหมู่เหล่าในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาร่วมแสดงความรักสมัครสมานสามัคคี และอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงของเรา โดยการรวบรวมเครื่องอุปโภคบริโภคมาร่วมกิจกรรมกวนอาซูรอ ในกระทะที่ใหญ่ที่สุดในโลก แสดงถึงการรวมหัวใจทุกดวงที่มีความรัก และอาลัยแด่พระองค์ท่านด้วย


ด้าน นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยว่า ประเพณีกวนอาซูรอ เป็นการจัดกิจกรรมประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันนี้เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อิสลาม และถือว่าเป็นการรวมร้อยดวงใจที่มีความรัก และอาลัยยิ่งแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นการจัดกิจกรรมที่สอดคล้องต้องกันระหว่างวิถีวัฒนธรรม และความรู้สึกร่วมกันของประชาชนในพื้นที่ที่มีต่อบุคคลที่รัก เคารพและศรัทธา ต่อพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติเป็นกิจวัตร ซึ่งสอดคล้องกับวิถีศาสนาอิสลามที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา เพื่อประชาชนชาวไทยมาตลอดชีวิต การจัดงานในวันนี้ก็เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรัก และอาลัยต่อพระองค์ท่าน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการกวนอาซูรอ เป็นประเพณีและวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งของชาวมุสลิม จะจัดขึ้นในช่วงเวลาตรงกับวันที่ 10 เดือนมุฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีของศาสนาอิสลาม (ประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปี) การกวนข้าวอาซูรอ (ขนมอาซูรอ) ก็เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คำว่า อาซูรอเป็นภาษาอาหรับ แปลว่าการผสม การรวมกัน คือการนำสิ่งของที่รับประทานได้หลายสิ่งหลายอย่างมากวนรวมกัน มีทั้งชนิดคาวและหวาน การกวนข้าวอาซูรอ จะใช้คนในหมู่บ้านมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อความสามัคคี และสร้างความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อันมีผลต่อการอยู่ร่วมกันของสังคมอย่างมีความสุข ก่อนจะแจกจ่ายให้รับประทานกัน เจ้าภาพจะเชิญบุคคลที่นับถือของชุมชนขึ้นมากล่าวขอพร (ดุอา) ก่อน จึงจะแจกให้คนทั่วไปรับประทานกัน


การกวนข้าวอาซูรอ เริ่มด้วยการที่เจ้าภาพประกาศเชิญชวนนัดหมายให้ชาวบ้านทราบว่า จะมีการกวนข้าวอาซูรอ กันที่ไหน เมื่อใด เมื่อถึงกำหนดนัดหมายชาวบ้านก็จะนำอาหารดิบ เช่น เผือกมัน ฟักทอง มะละกอ กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เป็นต้น มารวมเข้าด้วยกันแล้วปอกหั่น ตัดให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้น นำเครื่องปรุง เช่น ข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม ผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ เป็นต้น มาเป็นเครื่องผสม โดยหั่นตัดให้เป็นชิ้นเล็กๆ เช่นเดียวกัน สำหรับกะทิ จะคั้นเฉพาะน้ำมาผสม


ส่วนวิธีการกวน นำกระทะใบใหญ่ตั้งไฟ มีไม้พายสำหรับคนขนมอาซูรอ หลังจากตั้งกระทะบนเตา คั้นน้ำกะทิใส่ลงไป ตำหรือบดเครื่องแกงหยาบๆ ใส่ลงในน้ำกะทิ เมื่อกะทิเดือดใส่อาหารดิบต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว คนด้วยไม้พาย จนกระทั่งทุกอย่างเปื่อยยุ่ย กวนต่อไปจนเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อแห้งได้ที่แล้วตักใส่ถาด โรยหน้าด้วยไข่เจียวหั่นบางๆ หรืออาจโรยหน้ากุ้ง เนื้อสมัน ปลาสมัน ผักชี หอมหั่นฝอย แล้วแต่รสนิยมของท้องถิ่น แล้วตัดเป็นชิ้นๆ แจกจ่ายกันรับประทาน



---------------------


ขอบคุณข้อมูลจาก ผู้จัดการ Online

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น