วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

รัฐบาล พัฒนาเมืองต้นแบบ การค้าชายแดน “ด่านบูเก๊ะตา” เชื่อมโยงวัฒนธรรม-การค้า-ท่องเที่ยว ไทย-มาเลเซีย




นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน โดยมีนายอิสระ ละอองสกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) นายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ทหาร ตำรวจ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อหารือถึงการปรับยุทธศาสตร์การค้าชายแดน และรับฟังเป้าหมายการพัฒนาด่านบูเก๊ะตา ตำบลโละจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส นอกจากนี้ ยังได้ร่วมสำรวจเส้นทางการค้าชายแดนของประเทศไทยและมาเลเซีย


นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า การพัฒนาตามยุทธศาสตร์ของด่านบูเก๊ะตา ต้องดำเนินการไปพร้อมกับผู้นำท้องที่และผู้นำท้องถิ่น โดยสร้างการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ร่วมกัน ให้สามารถสร้างนักการค้า นักการตลาด และนักการลงทุนให้เกิดขึ้นในพื้นที่


ทั้งนี้ ต้องเร่งการผลักดันการดำเนินงานตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2559 ที่อนุมัติโครงการจัดหาที่ดินเพิ่มเติมเพื่อการดำเนินโครงการพัฒนาด่านศุลกากรบูเก๊ะตา และเร่งการพัฒนาเมืองการค้าชายแดนในพื้นที่ โดย ศอ.บต. จะจัดการประชุมอีกครั้ง เพื่อเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันเสนอแนวทางร่วมกัน ซึ่งการพัฒนาจะต้องสอดคล้องกับสภาพภูมิศาสตร์ อีกทั้ง การเปิดเมืองการค้าชายแดนต้องนำมาสู่การขยายสู่การค้าระหว่างประเทศ เพื่อเป็นการเสริมศักยภาพการพัฒนา ให้สอดรับกับโครงการเมืองต้นแบบที่กำลังขับเคลื่อนอยู่ในขณะนี้


ด้าน นายอดิสันต์ ภูวพิพัฒนวงศ์ นายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า ด่านบูเก๊ะตาอยู่ตรงข้ามกับด่านบูกิตบุหงา รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยกระทรวงมหาดไทยประกาศเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวร สามารถสัญจรผ่านทางสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก เชื่อมบ้านบูเก๊ะตา ประเทศไทย และบูกิต บุหงา ประเทศมาเลเซีย ซึ่งด่านทั้งสองฝั่งเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น. ให้บริการนำเข้า ส่งออก เป็นสินค้าไก่แช่เย็น หรือแช่แข็ง และยังเป็นด่านคู่กับด่านสุไหงโก-ลก


สำหรับการพัฒนาด่านศุลกากรตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2559 ได้อนุมัติโครงการจัดหาที่ดินเพิ่มเติมเพื่อการดำเนินโครงการพัฒนาด่านศุลกากรบูเก๊ะตา รวมงบประมาณทั้งสิ้น 1,152 ล้านบาท โดยด่านบูเก๊ะตาถือเป็นจุดเชื่อมโยงเชิงวัฒนธรรม เนื่องจากประชาชนทั้ง 2 ฝั่งนับถือศาสนาเดียวกันบริโภคอาหารเหมือนกัน โดยฝั่งไทยมีความได้เปรียบเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการพัฒนามากกว่า จึงมองว่าบูเก๊ะตาจะเป็นเส้นทางอนุรักษ์ เชื่อมโยงไปกลันตัน-กัวลาลัมเปอร์-ยะโฮร์บาห์รู-สิงคโปร์ ปัจจุบันเริ่มมีชาวมาเลเซียเดินทางเข้าประเทศไทยทางด่านบูเก๊ะตา และโก-ลก เพื่อใช้บริการสายการบินที่จังหวัดนราธิวาส เชื่อมโยงไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น