น.ส.ราฮายู
สาลัง หรือ ก๊ะยู เจ้าของร้านก๋วยจั๊บ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูร้อนจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย
และมาเลเซียที่เดินทางมาเที่ยวที่อำเภอเบตงกันมากขึ้น
เพื่อหาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมาพักผ่อนคลายร้อน โดยเฉพาะในช่วงที่ปิดเทอม
ผุ้ปกครองต่างนำบุตรหลานมาพักผ่อนลงเล่นน้ำในลำคลองกันอย่างสนุกสนาน
ทำให้ยอดขายก๋วยจั๊บมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ เสาร์ – อาทิตย์ จะมีผู้ปกครองนำบุตร หลาน
มาเล่นน้ำและใช้บริการกินก๋วยจั๊บแช่ขามากกว่าวันธรรมดา
เนื่องจากได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านเฟซบุ๊ค
ทำให้ลูกรู้จักและเดินทางมาอุดหนุนเพิ่มมากขึ้น
ทำให้ขณะนี้มีการเพิ่มโต๊ะรองรับนักท่องเที่ยว
โดยจุดขายของร้านคือนั่งรับประทานริมคลองแม่น้ำปัตตานี พื้นที่ ร่มรื่น
น้ำใสไหลเย็นนั่งรับประทานท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ
เป็นจุดเดียวกันกับให้บริการล่องแก่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ
ด้านนายอัสลัน
บิงดอเลาะ นักท่องเที่ยว กล่าวว่า มารับประทานก๋วยจั๊บแช่ขาริมน้ำ ครั้งแรก
มาตามกระแสในโลกโซเชียล เมื่อมาถึงสัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติ
ขณะทานก๋วยจั๊บก็สามารถแช่ขาได้อีก
รู้สึกเย็นสบายกว่าร้านก๋วยจั๊บที่ขายตามร้านทั่วไป ส่วนเรื่องความสะอาด นั้น
ทางร้านมีการเตรียมภาชนะใส่เศษอาหาร ไม่ทิ้งลงในลำธาร
และที่สำคัญนักท่องเที่ยวที่เดินทางมารับประทาน ต่างมีความรับผิดชอบร่วมกัน
ไม่ทำลายธรรมชาติ นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าหลงไหลอีกแห่งในพื้นที่ อ.เบตง
จ.ยะลา
ส่วนในเรื่องที่หลายฝ่ายกังวลเกี่ยวกับเรื่องการรักษาความสะอาดบริเวณที่ตั้งของร้านนั้น
นางสาว ราฮายู เจ้าของกิจการ เล่าว่า ตนและสามีได้ทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ
ทั้งก่อนเปิดร้าน และปิดร้าน และช่วงที่ว่างเว้นจากลูกค้าเข้าร้าน
ก็จะช่วยกันเก็บเศษอาหาร เศษขยะ เศษไม้ และเศษใบไม้ ต่างๆ รอบๆร้าน พร้อมยกโต๊ะ
เก้าอี้ ขึ้นลงจากลำคลองทุกวัน พร้อมขอความร่วมมือลูกค้าให้ช่วยกันรักษาความสะอาด
ทางร้านมีกฎและการจัดการในการรักษาธรรมชาติ
คือห้ามลูกค้าที่มารับประทานทิ้งเศษอาหารลงไปในแม่น้ำ
ทางร้านจะมีถังขยะไว้บริการสำหรับทิ้งเศษอาหาร
จะไม่อนุญาตให้ทิ้งเศษอาหารให้ปลากินโดยเด็ดขาด เนื่องจากทางร้านไม่ต้องการให้เกิดปัญหาทางด้านส่งแวดล้อมเกิดขึ้นตามมา
และห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากินที่ร้าน
ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากลูกค้าและนักท่องเที่ยว
--------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น