บ้านเดือนฉาย
Ban duan chay” บ้านเก่าสถาปัตยกรรมแบบ โคโลเนียล Colonial
Style ผสมผสานด้วยศิลปะและสิ่งของสะสมแบบจีน มลายู
และยุโรปอย่างกลมกลืน อายุกว่า 80 ปี ยุคสงครามโลก ครั้งที่ 2 ณ
ย่านเมืองเก่าสงขลา ตรงข้ามโรงเรียนสตรีวชิรานุกูล เป็น Private Museum ด้วยบรรยากาศร่มรื่น
สงบ พร้อมกับร้านเดือนฉายคาเฟ่
น่านั่งพักผ่อนเป็นสถานที่ท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่ในย่านเมืองเก่าสงขลา
ที่เปิดเมื่อต้นเดือน ตุลาคม ที่ผ่านมา
สองสามีภรรยาเจ้าของ “บ้านเดือนฉาย”
คุณวุฒิชัย และคุณจินตนา ธรรมปาโล
พาชมภายในบ้านและพูดคุยถึงที่มาของบ้านหลังนี้แบบเอ็กซ์คลูซีฟ
พร้อมสัมผัสบรรยากาศร้าน “เดือนฉายคาเฟ่” ลิ้มรสอาหาร
เครื่องดื่มอีกด้วย
สำหรับความเป็นมา “บ้านเดือนฉาย”
บ้านหลังนี้เกิดจากความผูกพัน
ย้อนไปเมื่อสมัยเด็กเกิดในย่านเมืองเก่าสงขลา เรียนที่โรงเรียนสตรีวชิรานุกูล
ตั้งแต่อนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ 7
ภาพจำในขณะนั้นก็เห็นบ้านหลังนี้มาโดยตลอด เนื่องจากเป็นบ้านหลังใหญ่
บรรยากาศร่มรื่น ซึ่งบ้านในย่านเมืองเก่าสมัยนั้น
ส่วนใหญ่เป็นบ้านตึกแถวค่อนข้างคับแคบ”
คุณวุฒิชัย กล่าวถึงความรู้สึกเมื่อมองบ้านหลังนั้น
เกิดความคิดแบบเด็กๆ รู้สึกชื่นชอบ อยากมีเป็นของตนเอง จึงเป็นความฝันตั้งแต่เด็กๆ
ที่อยากอยู่บ้านหลังนี้ ซึ่งทราบว่าเป็นบ้านของ คุณหญิงพูนสุข ประธานราษฎร์นิกร
ปรีชาพานิช บุตรสาวคนโตของหลวงประธานราษฎร์นิกร ซึ่งเป็นคหบดีที่เก่ง และทำคุณประโยชน์ต่อเมืองสงขลาไว้อย่างมากมาย
เมื่อชีวิตก้าวสู่ชีวิตการทำงานได้ระดับหนึ่ง
มีความสนใจเก็บสะสมของเก่า ข้าวของเครื่องใช้ วัตถุโบราณในจังหวัดสงขลา และปัตตานี
อาทิ จาน แจกัน วิทยุ งานไม้ เก็บสะสมมาเรื่อยๆ กว่า 20 ปี“ของเก่าที่สะสมทุกชิ้นผมรักและหวงแหนมากของทุกชิ้นเปรียบเสมือนมีชีวิต
เราต้องดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี”
กระทั่ง 4-5
ปีที่แล้ว เจ้าของบ้านหลังนี้ประกาศขาย เนื่องจากไม่มีเวลาดูแล
เมื่อทราบข่าวตนจึงตัดสินใจซื้อในทันที “ความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก
ของผมตอนนี้เป็นจริง” เจ้าของบ้านเดิมค่อนข้างหวงบ้านมาก เพราะเป็นบ้านโบราณอายุ
80 ปี ที่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ
พร้อมกำชับให้ดูแลเป็นอย่างดีสภาพภายในบ้านไม้ผุพังบางชิ้น
ตัวบ้านมีห้องหลบภัยใต้ดินที่สร้างไว้ เพื่อซ่อนทหารญี่ปุ่นในยุคสงครามโลก
ครั้งที่ 2 จึงปรับปรุงใหม่ แต่โครงสร้างบ้าน
เป็นของเดิมทั้งหมด
จากนั้น
นำของสะสมโบราณที่หาดูยากมาจัดแสดงภายในบ้านเพื่อเป็นวิทยาทานแก่คนรุ่นหลัง
ซึ่งเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา การที่ใช้ชื่อ “บ้านเดือนฉาย”
มาจาก “ฉ้าย” เป็นชื่อแม่ของตน และเพื่อนๆ
ของแม่มักเรียกว่า “แม่เดือนฉาย” ประกอบกับคำว่า
“บ้านเดือนฉาย” เปรียบเสมือนพระจันทร์ส่องแสง
ซึ่งบ้านหลังนี้ปิดมาเป็นเวลานานและอยู่ในซอยลึก จึงใช้ชื่อบ้านเดือนฉาย
จะได้ฉายแสงออกมาสว่างจ้า เปิดให้ผู้คนเข้ามาชม
และเป็นซิกเนเจอร์ใหม่ของย่านเมืองเก่า
นอกจากนั้น พื้นที่ด้านหน้าของบ้านสร้างเป็น “เดือนฉายคาเฟ่”
บรรยากาศสำหรับนั่งพักผ่อน ทำงานส่วนตัวโดยเปิดบริการศุกร์ เสาร์
อาทิตย์ เวลา 10.00-19.00 น. “ท่านใดที่ต้องการเข้าชมภายในบ้าน
ติดต่อได้ที่คาเฟ่ มีเจ้าหน้าที่บรรยายให้ความรู้และนำชมด้วยค่ะ