“ป่าฮาลาบาลา” มีเนื้อที่ประมาณ
270,725 ไร่
ถือได้ว่าเป็นผืนป่าดิบชื้นที่กว้างขวางและใหญ่ที่สุดของคาบสมุทรมลายู
จนได้ฉายาว่าเป็น "อเมซอนแห่งเอเซีย" ด้วยความอุดมสมบูรณ์
เป็นต้นน้ำลำธารของแม่น้ำหลายสาย มีสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองที่สำคัญหลายชนิดอาศัยอยู่อย่างชุกชุม
โดยสัตว์ที่พบเห็นมากได้แก่ ช้าง กระทิง หมูป่า เลียงผา เป็นต้น
อีกทั้งยังมีสัตว์ป่าหายากอย่าง สมเสร็จ กระซู่ ชะนีเซียมัง หรือ ชะนีดำใหญ่
ซึ่งเป็นชะนีชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่สำคัญป่าแห่งนี้ยังเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของ
“นกเงือก”เป็นนกหายากชนิดหนึ่ง
แต่ในป่านี้พบถึง 9 ใน 12
ชนิดของนกเงือกที่พบในไทย
ไฮไลท์หลักๆ
สำหรับการท่องเที่ยวในป่าฮาลาบาลานั้น อยู่ที่การล่องเรือกินลม ชมวิว
ความสวยงามของชมทะเลสาบ ผ่านอ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลาง และดูกระทิง
ที่ลงมากินหญ้ากินน้ำในช่วงเช้า อีกจุดหลักที่ไม่ควรพลาด
คือเกาะทวด เกาะน้ำจืดขนาดเล็กที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบฮาลาบาลา
บนเกาะจะเป็นที่ประดิษฐานหลวงปู่ทวด โดยมีการอัญเชิญมาในช่วงสร้างเขื่อนบางลาง
เป็นที่เคารพของคนในพื้นที่ มักมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และสิงค์โปร์
มาไหว้ขอพร บางทีเราสามารถเห็นชาวชนโอรัง-อัสรี ที่อาศัยอยู่ในผืนป่าแห่ง
ออกมาให้การต้องรับนักท่องเที่ยวด้วย หลายคนมักเรียกชาวชนเผ่าอัสรี ว่า “ซาไก” ซึ่งความเป็นจริงแล้ว
ชาวอัสรี ไม่ต้องการให้ใครเรียกเขาแบบนั้น เนื่องจากคำว่าซาไก
ทำให้คนอื่นมองพวกเขาว่าแปลกประหลาด แต่เขาก็ยังคงมีวิถีชีวิตในป่าตามแบบของเขา
ที่นี่ยังมีที่ท่องเที่ยวสวยๆ
อีกมากมายที่รอให้ทุกคนแวะเวียนไปสัมผัส
ซึ่งฤดูกาลที่เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวที่นี่คือตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนกันยายน
ซึ่งจะมีฝนตกลงมาไม่มากเกินไปนักนักท่องเที่ยวที่สนใจจะมาสัมผัสความงามของผืนป่าฮาลาบาลา“อเมซอนแห่งเอเซีย”สามารถติดต่อเรือได้ที่ท่าเรือตาพะเยา
สันเขื่อนบางลาง และหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 7
ซึ่งจะมีทั้งเรือเล็ก และแพที่ชาวบ้านทำไว้เพื่อบริการนักท่องเที่ยว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น