ใต้สุดสยาม…
เมืองงามชายแดน’ หรือ เมืองในหมอก…ดอกไม้งาม’ เป็นคำขวัญและคำกล่าวขานของเมืองเบตงแห่งจังหวัดยะลา
คงจะกล่าวได้ว่าเป็นเมืองที่อยู่ไกลที่สุดของประเทศไทย
การที่จะเดินทางไกลมายังเมืองเบตง กับภาวะร้อนแรงของไฟใต้ในช่วงเวลานี้
ถ้าเดินทางมาท่องเที่ยวถ่ายภาพโดยตรง ถือว่าคุณมีจิตใจในการมองโลกของการท่องเที่ยวเป็นสิ่งอันงดงาม
ซึ่งน้อยคนจักมาเยือนด้วยใจที่แท้จริง
ผมใช้เวลาในการเดินทางด้วยรถไฟมาลงที่จังหวัดยะลาถึง
22 ชั่วโมง มาต่อรถตู้ไปเมืองเบตงอีกเกือบ 3 ชั่วโมง
ใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้นถึง 25 ชั่วโมง
หากบินไปในเวลาดังกล่าว คงไปไกลได้ทุกประเทศของโลกใบนี้แล้ว
การเดินทางจากจังหวัดยะลามาที่เบตงเป็นระยะทางทั้งสิ้นราว 140 กิโลเมตร ต้องผ่านพื้นที่สีแดง เช่น กรงปินัง บันนังสตา และธารโต
เมื่อมาถึงยังอำเภอเบตง ที่นี่แหละที่ปลอดภัยที่สุดของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
การที่จะแบกกล้องถ่ายภาพมายังที่นี่
ไม่ต้องใช้ชุดใหญ่ เอาแค่ง่ายๆ จะได้สะพายกล้องอย่างคล่องแคล่ว ไม่ใช่ไม่มีอะไรให้ถ่ายภาพ
แค่ที่นี่เป็นแหล่งของกิน จึงไม่ต้องเอากล้องมาอย่างเต็มพิกัด
เพราะเราจะมีความสุขในการมากินมากกว่าการถ่ายภาพสภาพเมืองเบตง
ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา ทำให้เบตงมีสายหมอกปกคลุมอยู่ทั่วไป
มีบ้านเรือนอยู่หนาแน่น คนส่วนใหญ่เป็นชาวจีนกวางใสกับกวางตุ้ง และมีชาวไทยพุทธ
ชาวมุสลิม
ที่เบตงมีมุสลิมเป็นส่วนน้อย ทำให้เมืองเบตงปลอดจากไฟใต้การที่จะถ่ายภาพตัวเมืองให้สวยงาม
ดูเหมือนต้องพึ่งโรงแรมสูง กับความสูง 25
ชั้น และสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ได้ถึง 360 องศา
ยามเช้ายามเย็นเป็นช่วงเวลาที่จะถ่ายภาพเมืองเบตงให้งามสมใจ
โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่จะมีสายหมอกคลอเคลียอยู่ตามหุบเขา อย่าลืมตื่นก่อนรุ่งสางและช่วงเย็นตอนพลบค่ำเป็นช่วงจังหวะให้ภาพถ่ายมีอารมณีได้อย่างดี
แต่ก็ขึ้นอยู่กับสายหมอกขาวโพลนจะปิดเมืองทั้งเมืองให้ไม่เห็นอะไรไปเลยหรือเปล่า
พอถ่ายตะวันขึ้นก็จะอดลงไปถ่ายพระบิณฑบาตในตอนเช้าการอยู่ซะสองสามวัน
โดยเฉพาะบางเวลาที่มีพระภิกษุอยู่กันมากก็จะออกเดินบาตรไปตามหอนาฬิกาหรือไปถึงมัสยิดสีฟ้าที่สวยงามมาก
แล้วกลับมาดูผู้คนส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซียที่ข้ามแดนมาท่องเที่ยวกัน
มีร้านกาแฟพร้อมเมนูติ่มชำให้เลือกหลากหลาย
ถ้าจะออกเดินหลังจากกินซะอิ่ม
ควรไปถ่ายภาพที่พระมหาธาตุเจดีย์ที่สร้างอย่างสวยงาม
บนพระธาตุแห่งนี้อยู่ในที่สูงหากไม่มีโอกาสขึ้นไปนอนบนโรงแรมสูงๆ
ที่นี่พอให้ถ่ายเห็นตัวเมืองเบตงได้บ้าง แล้วเรากลับมาเริ่มต้นกันที่หอนาฬิกา
บริเวณนี้จะมีตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ควรถ่ายคู่กับคนส่งจดหมายด้วยจะได้เปรียบเทียบความสูงได้ชัดเจน จะเริ่มออกท่องเที่ยวไปไกล
ควรหารถบริการ เราจะออกจากตัวเมืองไปราวยี่สิบกว่ากิโลเมตรเพื่อสู่บ่อน้ำร้อนเบตง
ในบริเวณบ่อน้ำร้อนนี้มีกำมะถันอยู่มากบางพื้นที่สามารถต้มไข่ได้สุกกับบริเวณที่อุ่นถูกใช้เป็นที่อาบน้ำหรือแช่ตัว
ในเส้นทางสายเดียวกัน
เรามุ่งสู่โครงการไม้ดอกเมืองหนาว
โดยสถานที่แห่งนี้อยู่ตามไหล่เขามีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี
ทำให้เป็นสถานที่น่าชื่นชมความงดงามแห่งพฤกษาของเมืองเบตงอย่างแท้จริง
การถ่ายภาพที่นี่คงใช้เวลานานเพราะมีดอกไม้ใบไม้นานาพันธุ์มากมาย
ถ้าหยิบเลนส์มาโครมาคงจะถูกใจ ควรใช้หน้ากล้องชัดตื้นกับความเร็วสปิดมากๆ
และพยายามหาฉากหลังของดอกไม้ไม่ให้รกทึบ
หรือหาผ้าหรือกระดาษสีเทาสีดำมาอยู่หลังดอกไม้ก็ได้
และอย่าถ่ายนานต้องดูคนรอบตัวเขาอยู่กับเราด้วยหรือเปล่า
ต้องดูส่วนรวมเป็นหลักอย่าถ่ายภาพคนเดียวโดยที่คนอื่นเขานั่งรออยู่ในรถกันหมดแล้วในเส้นทางเดียวกัน
เราพากันเลยขึ้นเขาไปอีกหลายโค้ง เพื่อมุ่งสู่อุโมงค์ปิยะมิตร
อุโมงค์แห่งนี้มีความยาว 1 กิโลเมตร ใช้เวลาในการก่อสร้างสามเดือนกับคนงานสามผลัดๆ
ละห้าสิบคนมาทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ในอุโมงค์จะคดเคี้ยวมีการขุดเจาะเป็นที่หลับนอน
ภายในอุโมงค์อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี อุโมงค์แห่งนี้เคยเป็นฐานที่มั่นของโจรจีนคอมมิวนิสต์
ใช้ในการซ่อนตัวและหลบภัยทางอากาศเราพากันกลับเข้าตัวเมืองเมื่อได้เวลาหาอาหารกลางวัน
โดยเราพากันเจาะจงที่กินไก่สับเบตงกับหมี่เบตงที่ขึ้นซื่อของที่นี่ช่วงบ่ายเราลงไปทางตอนใต้
โดยขับรถลอดผ่านอุโมงค์เบตงเพื่อที่จะไปยังด่านชายไทยและมาเลเซีย
จากนั้นเรากลับเข้ามาขึ้นเขาสูง ที่เป็นที่ตั้งของพระตำหนักสมเด็จพระบรมราชินีนาถ
ซึ่งมีพระตำหนักเป็นเรือนไทยอย่างสวยงาม
บนเนินสูงแห่งนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองเบตง
ในเส้นทางที่เรากำลังจะเดินทางต่อไปคือเส้นทาง
4062 พอพ้นตัวเมืองไม่มากมีสนามบินเล็กๆ ที่เป็นลูกรัง
ปัจจุบันเป็นสนามเด็กเล่นเตะฟุตบอลกับอนาคตเป็นไปได้ที่จะมีเครื่องบินมาลงกันแล้ว เราผ่านมาทางหมู่บ้านปียะมิตร
10
ซึ่งซื่อปียะมิตรเป็นชื่อทางราชการตั้งให้ หลังจากที่ชาวจีน
ที่เป็นจีนคอมมิวนิสต์ได้กลับตัวเป็นพลเมืองดี หากประเทศสยามหรือทางการจึงยกที่ดินให้ทำกินเราพากันเดินเข้ามาถ่ายภาพยังอาณาจักรจีนคอมมิวนิสต์ซึ่งถัดจากหมู่บ้านปิยะมิตร
10 จะเป็นป้าใหญ่ ก่อนเข้าปากทางมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์
ภายในป่าแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นของจีนคอมมิวนิสต์ มีหอสังเกตการณ์อยู่ปากทาง
ถัดไปทางซ้ายเป็นเรือนพยาบาล ทางขวาเป็นเรือนหอหรือเรือนสมรสเป็นกระต๊อบเล็กๆ
แค่สองคนนอน
แต่ทว่าเพียงแค่นี้คู่บ่าวสาวก็มีความสุขที่สุดแล้วเราพากันมาสุดทางเดิน
สิ่งที่เราพบเห็นคือต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีฐานล่างของลำต้นหลายคนโอบ
มันเป็นต้นไม้ใหญ่สุดที่มีค่าที่สุดในผืนปาแห่งนี้ยามค่ำคืน
ในเมืองเบตงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แสงสียามราตรีสว่างไสว ที่นี่มีเสียงหัวเราะ
มีเสียงแห่งความสุขอยู่รอบตัว ไม่มีเสียงปืน ไม่มีเสียงระเบิด
ที่เบตงแห่งนี้เป็นสวรรค์ของผู้คนที่ได้มาเยือน เป็นดินแดนแห่งความสงบสุข
และที่นี่คือเบตงเมืองแห่งความร่มเย็นและเป็นสุข…
----------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น