วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ความสุข…ที่เบตง



        ใต้สุดสยามเมืองงามชายแดนหรือ เมืองในหมอกดอกไม้งามเป็นคำขวัญและคำกล่าวขานของเมืองเบตงแห่งจังหวัดยะลา คงจะกล่าวได้ว่าเป็นเมืองที่อยู่ไกลที่สุดของประเทศไทย การที่จะเดินทางไกลมายังเมืองเบตง กับภาวะร้อนแรงของไฟใต้ในช่วงเวลานี้ ถ้าเดินทางมาท่องเที่ยวถ่ายภาพโดยตรง ถือว่าคุณมีจิตใจในการมองโลกของการท่องเที่ยวเป็นสิ่งอันงดงาม ซึ่งน้อยคนจักมาเยือนด้วยใจที่แท้จริง
ผมใช้เวลาในการเดินทางด้วยรถไฟมาลงที่จังหวัดยะลาถึง 22 ชั่วโมง มาต่อรถตู้ไปเมืองเบตงอีกเกือบ 3 ชั่วโมง ใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้นถึง 25 ชั่วโมง หากบินไปในเวลาดังกล่าว คงไปไกลได้ทุกประเทศของโลกใบนี้แล้ว การเดินทางจากจังหวัดยะลามาที่เบตงเป็นระยะทางทั้งสิ้นราว 140 กิโลเมตร ต้องผ่านพื้นที่สีแดง เช่น กรงปินัง บันนังสตา และธารโต เมื่อมาถึงยังอำเภอเบตง ที่นี่แหละที่ปลอดภัยที่สุดของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
การที่จะแบกกล้องถ่ายภาพมายังที่นี่ ไม่ต้องใช้ชุดใหญ่ เอาแค่ง่ายๆ จะได้สะพายกล้องอย่างคล่องแคล่ว ไม่ใช่ไม่มีอะไรให้ถ่ายภาพ แค่ที่นี่เป็นแหล่งของกิน จึงไม่ต้องเอากล้องมาอย่างเต็มพิกัด เพราะเราจะมีความสุขในการมากินมากกว่าการถ่ายภาพสภาพเมืองเบตง ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา ทำให้เบตงมีสายหมอกปกคลุมอยู่ทั่วไป มีบ้านเรือนอยู่หนาแน่น คนส่วนใหญ่เป็นชาวจีนกวางใสกับกวางตุ้ง และมีชาวไทยพุทธ ชาวมุสลิม


        ที่เบตงมีมุสลิมเป็นส่วนน้อย ทำให้เมืองเบตงปลอดจากไฟใต้การที่จะถ่ายภาพตัวเมืองให้สวยงาม ดูเหมือนต้องพึ่งโรงแรมสูง กับความสูง 25 ชั้น และสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ได้ถึง 360 องศา ยามเช้ายามเย็นเป็นช่วงเวลาที่จะถ่ายภาพเมืองเบตงให้งามสมใจ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่จะมีสายหมอกคลอเคลียอยู่ตามหุบเขา อย่าลืมตื่นก่อนรุ่งสางและช่วงเย็นตอนพลบค่ำเป็นช่วงจังหวะให้ภาพถ่ายมีอารมณีได้อย่างดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับสายหมอกขาวโพลนจะปิดเมืองทั้งเมืองให้ไม่เห็นอะไรไปเลยหรือเปล่า
พอถ่ายตะวันขึ้นก็จะอดลงไปถ่ายพระบิณฑบาตในตอนเช้าการอยู่ซะสองสามวัน โดยเฉพาะบางเวลาที่มีพระภิกษุอยู่กันมากก็จะออกเดินบาตรไปตามหอนาฬิกาหรือไปถึงมัสยิดสีฟ้าที่สวยงามมาก แล้วกลับมาดูผู้คนส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซียที่ข้ามแดนมาท่องเที่ยวกัน มีร้านกาแฟพร้อมเมนูติ่มชำให้เลือกหลากหลาย

ถ้าจะออกเดินหลังจากกินซะอิ่ม ควรไปถ่ายภาพที่พระมหาธาตุเจดีย์ที่สร้างอย่างสวยงาม บนพระธาตุแห่งนี้อยู่ในที่สูงหากไม่มีโอกาสขึ้นไปนอนบนโรงแรมสูงๆ ที่นี่พอให้ถ่ายเห็นตัวเมืองเบตงได้บ้าง แล้วเรากลับมาเริ่มต้นกันที่หอนาฬิกา บริเวณนี้จะมีตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ควรถ่ายคู่กับคนส่งจดหมายด้วยจะได้เปรียบเทียบความสูงได้ชัดเจน จะเริ่มออกท่องเที่ยวไปไกล ควรหารถบริการ เราจะออกจากตัวเมืองไปราวยี่สิบกว่ากิโลเมตรเพื่อสู่บ่อน้ำร้อนเบตง ในบริเวณบ่อน้ำร้อนนี้มีกำมะถันอยู่มากบางพื้นที่สามารถต้มไข่ได้สุกกับบริเวณที่อุ่นถูกใช้เป็นที่อาบน้ำหรือแช่ตัว

ในเส้นทางสายเดียวกัน เรามุ่งสู่โครงการไม้ดอกเมืองหนาว โดยสถานที่แห่งนี้อยู่ตามไหล่เขามีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี ทำให้เป็นสถานที่น่าชื่นชมความงดงามแห่งพฤกษาของเมืองเบตงอย่างแท้จริง การถ่ายภาพที่นี่คงใช้เวลานานเพราะมีดอกไม้ใบไม้นานาพันธุ์มากมาย ถ้าหยิบเลนส์มาโครมาคงจะถูกใจ ควรใช้หน้ากล้องชัดตื้นกับความเร็วสปิดมากๆ และพยายามหาฉากหลังของดอกไม้ไม่ให้รกทึบ หรือหาผ้าหรือกระดาษสีเทาสีดำมาอยู่หลังดอกไม้ก็ได้ และอย่าถ่ายนานต้องดูคนรอบตัวเขาอยู่กับเราด้วยหรือเปล่า ต้องดูส่วนรวมเป็นหลักอย่าถ่ายภาพคนเดียวโดยที่คนอื่นเขานั่งรออยู่ในรถกันหมดแล้วในเส้นทางเดียวกัน เราพากันเลยขึ้นเขาไปอีกหลายโค้ง เพื่อมุ่งสู่อุโมงค์ปิยะมิตร อุโมงค์แห่งนี้มีความยาว 1 กิโลเมตร ใช้เวลาในการก่อสร้างสามเดือนกับคนงานสามผลัดๆ ละห้าสิบคนมาทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ในอุโมงค์จะคดเคี้ยวมีการขุดเจาะเป็นที่หลับนอน ภายในอุโมงค์อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี อุโมงค์แห่งนี้เคยเป็นฐานที่มั่นของโจรจีนคอมมิวนิสต์ ใช้ในการซ่อนตัวและหลบภัยทางอากาศเราพากันกลับเข้าตัวเมืองเมื่อได้เวลาหาอาหารกลางวัน โดยเราพากันเจาะจงที่กินไก่สับเบตงกับหมี่เบตงที่ขึ้นซื่อของที่นี่ช่วงบ่ายเราลงไปทางตอนใต้ โดยขับรถลอดผ่านอุโมงค์เบตงเพื่อที่จะไปยังด่านชายไทยและมาเลเซีย จากนั้นเรากลับเข้ามาขึ้นเขาสูง ที่เป็นที่ตั้งของพระตำหนักสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ซึ่งมีพระตำหนักเป็นเรือนไทยอย่างสวยงาม บนเนินสูงแห่งนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองเบตง

ในเส้นทางที่เรากำลังจะเดินทางต่อไปคือเส้นทาง 4062 พอพ้นตัวเมืองไม่มากมีสนามบินเล็กๆ ที่เป็นลูกรัง ปัจจุบันเป็นสนามเด็กเล่นเตะฟุตบอลกับอนาคตเป็นไปได้ที่จะมีเครื่องบินมาลงกันแล้ว เราผ่านมาทางหมู่บ้านปียะมิตร 10 ซึ่งซื่อปียะมิตรเป็นชื่อทางราชการตั้งให้ หลังจากที่ชาวจีน ที่เป็นจีนคอมมิวนิสต์ได้กลับตัวเป็นพลเมืองดี หากประเทศสยามหรือทางการจึงยกที่ดินให้ทำกินเราพากันเดินเข้ามาถ่ายภาพยังอาณาจักรจีนคอมมิวนิสต์ซึ่งถัดจากหมู่บ้านปิยะมิตร 10 จะเป็นป้าใหญ่ ก่อนเข้าปากทางมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ภายในป่าแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นของจีนคอมมิวนิสต์ มีหอสังเกตการณ์อยู่ปากทาง ถัดไปทางซ้ายเป็นเรือนพยาบาล ทางขวาเป็นเรือนหอหรือเรือนสมรสเป็นกระต๊อบเล็กๆ แค่สองคนนอน แต่ทว่าเพียงแค่นี้คู่บ่าวสาวก็มีความสุขที่สุดแล้วเราพากันมาสุดทางเดิน สิ่งที่เราพบเห็นคือต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีฐานล่างของลำต้นหลายคนโอบ มันเป็นต้นไม้ใหญ่สุดที่มีค่าที่สุดในผืนปาแห่งนี้ยามค่ำคืน ในเมืองเบตงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แสงสียามราตรีสว่างไสว ที่นี่มีเสียงหัวเราะ มีเสียงแห่งความสุขอยู่รอบตัว ไม่มีเสียงปืน ไม่มีเสียงระเบิด ที่เบตงแห่งนี้เป็นสวรรค์ของผู้คนที่ได้มาเยือน เป็นดินแดนแห่งความสงบสุข และที่นี่คือเบตงเมืองแห่งความร่มเย็นและเป็นสุข
----------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น