"จำได้ว่าสมัยยังเรียนอยู่ชั้นประถม
ขณะนั้นได้ใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวที่จังหวัดสงขลากับพ่อแม่
แต่ทุกวันหยุดครอบครัวของเราจะใช้เวลาเดินทางไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่ อำเภอปากพนัง
จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยรถยนต์ของพ่อ และทุกครั้งต้องไปต่อคิวขึ้นแพขนานยนต์
เพื่อเอารถพ่อลงแพข้ามทะเลสาบสงขลาไปฝั่งสิงหนคร ซึ่งต้องต่อคิวรถติดยาวเป็นหางว่าวระยะเวลายาวนานหลายชั่วโมง
เพราะเป็นเส้นทางเดียวที่เหมือนจะใกล้สุดในการข้ามไปอีกฝั่ง" เด็กสงขลา
เล่าเรื่องในวัยเยาว์
สะพานติณสูลานนท์
สร้างทอดข้ามทะเลสาบสงขลา เพื่อเชื่อมแผ่นดินระหว่างฝั่งสงขลาคือบ้านเขาเขียว
อำเภอสิงหนคร กับฝั่งเกาะยอคือบ้านน้ำกระจาย อำเภอเมืองสงขลา
จุดประสงค์ของการสร้างสะพานแห่งนี้ คือ การรองรับการคมนาคมทางรถยนต์
โดยไม่ต้องรอข้ามแพขนานยนต์ซึ่งมีไม่เพียงพอกับปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทำให้การเดินทางต้องใช้เวลานาน ทั้งเมื่อข้ามฝั่งมาแล้วก็ยังทำให้การจราจรติดขัดในตัวเมืองอีกด้วย
"4
ปี ระหว่างที่สะพานกำลังสร้าง จำได้ว่าพ่อมักจะพาพี่สาว-พี่ชาย
ไปตีแบดออกกำลังกายใกล้ๆ ตีนสะพานเพราะว่าเป็นพื้นที่ว่าง
และสามารถจอดรถได้สะดวกสบาย
และพ่อเคยเล่าให้ฟังว่าถ้าไม่เอารถยนต์ข้ามแพไปฝั่งหัวเขาแดง (สิงหนคร)
ก็จะมานั่งเรือหางยาวข้ามทะเลไปยังเกาะยอ
แล้วไปต่อรถโดยสารอีกทอดหนึ่งซึ่งถือเป็นการเดินทางที่ลำบากมากๆ
ระหว่างที่สะพานกำลังสร้างก็มีเรื่องเล่ามากมาย
ผิดบ้างถูกบ้างชาวบ้านก็ร่ำลือกันไป เช่น
เสาสะพานแต่ละต้นต้องเซ่นศีรษะคนตายฝังไว้ หรือ การก่อสร้างสะพาน
มีคนงานต้องสังเวยชีวิตหลายศพ
ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วเป็นเรื่องราวที่ไม่มีข้อเท็จจริงปรากฏ
แต่ก็ยังจำได้เสมอว่าเป็นเรื่องที่โด่งดังมากในยุคนั้น" เธอรื้อฟื้นความหลัง
นั่นคือวิถีชีวิตการเดินทางข้ามไปอีกจังหวัดของชาวสงขลา
ก่อนที่จะมีการสร้าง “สะพานติณสูลานนท์” ขึ้นมาในปี พ.ศ.2524
และเปิดให้ใช้บริการช่วงปี พ.ศ.2527 ซึ่งใช้เวลายาวนานถึง 4 ปีเต็ม
แต่นับเป็นการรอคอยที่คุ้มค่า ทว่าชาวสงขลาได้ใช้ประโยชน์นานัปการจากสะพานแห่งนี้
"รัฐบาลยุคนั้น
ต้องการจะพัฒนาจังหวัดสงขลา
และอำเภอหาดใหญ่ให้เป็นเมืองหลักที่มีความเจริญในด้านการท่องเที่ยว เมื่อสะพานสร้างเสร็จ
คนไทยอีกจำนวนมากนิยมเรียกสะพานติณสูลานนท์ว่า “สะพานติณ”
“สะพานเปรม” หรือ “สะพานป๋าเปรม”
ต่อมาครอบครัวเราก็ไม่ต้องไปต่อคิวลงแพขนานยนต์ยาวเหยียดเป็นกิโลเหมือนเมื่อก่อน
แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ต้องการจะใช้เส้นทางลัดข้ามไปหัวเขาแดง จึงนำรถลงแพไป
เพราะว่าท่าแพขนานยนต์อยู่ในตัวเมืองสงขลา แต่ถ้าจะข้ามสะพานติณฯ นั้นหมายความว่า
เราต้องขับรถวนออกไปนอกเมืองทาง 5 แยกเกาะยอ ซึ่งไกลพอสมควร
เพราะบ้านเราอยู่ในเมือง ช่วงนั้นพ่อบอกว่า ป๋าเปรม
ใส่ใจในรายละเอียดมากๆและมาคุมงานก่อสร้างเองหลายครั้ง หลังจากสะพานเสร็จ
วิถีชีวิตของชาวสงขลาก็เปลี่ยนไป สะดวกสบายในการเดินทางยันรุ่นลูกหลาย"
สะพานติณสูลานนท์
เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข 4146 ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างทางหลวงหมายเลข 4083
(ระโนด-เขาแดง) กับทางหลวงหมายเลข 407 (สงขลา-หาดใหญ่)
สะพานแห่งนี้สร้างเป็นสะพานคอนกรีตคู่ มีความยาวของสะพานแบ่งเป็น 2 ช่วง คือยาว
940 เมตร และ 1,700 เมตร รวมความยาวทั้งหมด 2,640 เมตร
นับเป็นสะพานคอนกรีตคู่ที่ยาวที่ของเมืองไทยในยุคนั้น
ด้วยความโดดเด่นและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอันสวยงามของสะพานติณสูลานนท์
ทำให้สะพานแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดสงขลา
"จำได้ว่าตอนสะพานสร้างเสร็จใหม่ๆ
มีแต่คนจอดรถริมสะพาน เพื่อลงไปถ่ายรูปกัน สมัยนั้นต้องซื้อฟิล์มใส่กล้องไปถ่าย
แล้วไปล้างที่ร้าน ก่อนจะอัดรูปเป็นขนาดต่างๆ ใส่ซองจดหมายส่งไปให้เพื่อน
หรือญาติชื่นชม เพราะเรารู้สึกว่าสะพานแห่งนี้เป็นความภาคภูมิใจของเรา
เพราะเห็นตั้งแต่สะพานเพิ่งเริ่มสร้างจนกระทั่งสร้างเสร็จ
ที่สำคัญทางโรงเรียนมีกิจกรรมให้ส่งจดหมายไปพูดคุยกับเพื่อนต่างจังหวัดต่างโรงเรียนโดยระบุแค่เลขที่ในห้องเรียน
ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าหน้าตาเพื่อนคนนั้นเป็นยังไง ผู้หญิงหรือผู้ชาย
เพียงแค่สุ่มเขียนจดหมายไปถึงคนเลขที่เดียวกับเรา แน่นอนว่า
เราได้ส่งรูปที่ถ่ายคู่กับสะพานติณไปให้เพื่อนดู วันที่จดหมายตอบกลับมาหา
รู้สึกดีใจมาก
เพราะเพื่อนคนนั้นตื่นตาตื่นใจกับภาพถ่ายและเรื่องเล่าของสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทยที่มีขึ้นในสงขลาเป็นจังหวัดแรก"
เธอทิ้งท้ายเอาไว้
***สะพานแห่งนี้
ถือเป็นเพียงแค่สิ่งเล็กน้อยที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐบุรุษ
และประธานองคมนตรีในพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์
ได้สร้างไว้ให้ลูกหลานชาวสงขลาและคนในบ้านเกิดของท่าน
ทว่ายังมีอีกมากมายหลายสิ่งที่ท่านได้ทิ้งไว้ให้ชาวสงขลา
ได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง จึงไม่แปลกที่ใครๆ
ก็รู้สึกรักและเคารพระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ ในวันที่ท่านได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ***
---------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น