‘ปัตตานีบ้านฉัน’
หลังจากพระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ
ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน โดย"วันเข้าพรรษา"เริ่มต้นตั้งแต่
20 กรกฎาคม 2559 คือว่าเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ซึ่งเป็นวันที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่
ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้
โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า "จำพรรษา"
นั่นเอง ซึ่งวันที่ 16 ตุลาคม 2559 จะครบกำหนด 3 เดือน และเป็น “วันออกพรรษา”
“วันออกพรรษา”เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วันมหาปวารณา” คำว่า “ปวารณา” แปลว่า “อนุญาต” หรือ “ยอมให้” ใน วันออกพรรษา นี้พระสงฆ์จะประกอบพิธีทำสังฆกรรมใหญ่ เรียกว่า มหาปวารณา
เป็นการเปิดโอกาสให้ภิกษุว่ากล่าวตักเตือนกันได้ เพราะในระหว่างเข้าพรรษา
พระสงฆ์บางรูปอาจมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข การให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนได้
ทำให้ได้รู้ข้อบกพร่องของตน และยังเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยซึ่งกันและกันด้วยซึ่งจะตรงกับวันขึ้น
15 ค่ำ เดือน 11
และวันถัดจาก
วันออกพรรษา 1
วัน (แรม 1 ค่ำ เดือน 11) พุทธศาสนิกชนในประเทศไทยยังนิยมไปทำบุญตักบาตรครั้งใหญ่ เรียกว่า
ตักบาตรเทโว หรือ ตักบาตรเทโวโรหนะ
เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติที่กล่าวว่า ในวันถัด วันออกพรรษา
หนึ่งวัน
พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงจากเทวโลกกลับจากการโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในพรรษาที่
7 เพื่อลงมายังเมืองสังกัสสนคร
พร้อมกับทรงแสดงโลกวิวรณปาฏิหาริย์เปิดโลกทั้งสามด้วย
กิจกรรมในวันออกพรรษา
วันออกพรรษา
นี้พุทธศาสนิกชนถือว่าเป็นโอกาศอันดีที่จะกระทำ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร
จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัดและฟังพระธรรมเทศนา
ของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้มมัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน
และการร่วมกุศล “ตักบาตรเทโว” ในวันแรม 1 ค่ำ
เดือน 11
1. ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ
2. ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม
ฟังพระธรรมเทศนา
3. ร่วมกิจกรรม “ตักบาตรเทโว” (วันแรม 1 ค่ำ
เดือน 11)
4. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด
ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการและประดับธงชาติ และธงธรรมจักร
ตามวัดและสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
5. ตามสถานที่ราชการ
สถานที่ศึกษาและที่วัด ควรจัดให้มีนิทรรศการ การบรรยาย หรือ บรรยายธรรม เกี่ยวกับ
วันออกพรรษา เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป
งานประเพณีชักพระในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
งานประเพณีชักพระหรือ
ลากพระเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษมาอย่างยาวนาน
อันถือเป็นวันที่องค์พระสัมมา สัมพุทธเจ้าเสด็จกลับมาสู่โลกมนุษย์
โดยมีขบวนเทพยดาและมนุษย์ส่งเสด็จและรับเสด็จ โดยชาวบ้านจะมีการทำบุญตักบาตร
และมีการอันเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนยอดเรือพระและลากเรือพระออกจากวัดในวันแรม
1 ค่ำ เดือน 11 ตรงกับวันออกพรรษาของทุกปี ซึ่งพุทธศาสนิกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
อำเภอโคกโพธิ์
จังหวัดปัตตานี ได้ริเริ่มให้มีการลากพระ หรือชักพระ ตั้งแต่ ปี 2492 เป็นต้นมา
จนปีนี้เป็นปีที่ 67 ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการสร้างความสามัคคี
และความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างสถาบันสงฆ์, ข้าราชการ
และประชาชนในพื้นที่, ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยการนำประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นสื่อ
นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่แล้ว
และยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีงามของจังหวัดปัตตานีอีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ยังมีการจัดประเพณีชักพระในพื้นที่จังหวัดยะลา
ซึ่งเทศบาลนครยะลา จัดขึ้น ที่ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา
เป็นประจำทุกปี บรรยากาศของงานเป็นไปอย่างคึกคัก
มีพุทธศาสนิกชนชาวยะลาและจังหวัดใกล้เคียง เดินทางมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก
ประเพณีชักพระที่จัดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นที่อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี หรือในจังหวัดยะลา จะมีขบวนเรือพระจากอำเภอต่างๆ
ทั้ง จ.ยะลา จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และ จ.สงขลา เข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
การตกแต่งเรือพระจะมีการประดับตกแต่งอย่างสวยงาม
แสดงให้เห็นถึงวิถีทางพุทธศาสนาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมี ขบวนกลองยาว
รวมทั้งพุทธศาสนิกชนที่ร่วมขบวนแห่ชักลากพระ
ซึ่งแต่ละคนจะแต่งตัวในแบบประเพณีท้องถิ่นแต่ละชุมชนของตนเอง
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสังคมของการอยู่ร่วมพหุวัฒนธรรมของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ
และศาสนา ทั้งชาวไทยพุทธ ชาวไทยเชื้อสายจีน และพี่น้องมลายูมุสลิม
หน่วยงานภาครัฐมุ่งส่งเสริมอนุรักษ์ และปลูกฝังขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น
และร่วมกันแสดงออกถึงคุณธรรม ความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ
รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้คนต่างศาสนา
ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ความแตกต่าง.
-----------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น