วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ชาวลำพะยา อ.เมืองยะลา ปลื้มใจ! โครงการ ฝายลำพะยาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ


ชาวลำพะยา อ.เมืองยะลา ปลื้มใจ! พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงดำริสร้างฝายกักเก็บน้ำ ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ให้ได้มีแหล่งน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรแบบยั่งยืน พร้อมเผยจะหากษัตริย์พระองค์ใดเปรียบเสมือน ในหลวง รัชกาลที่ 9” มิได้อีกแล้ว

ที่ ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา ก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรฝายกักเก็บน้ำ ที่ได้ทรงดำริให้สร้างขึ้น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ให้ได้มีแหล่งน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรแบบยั่งยืน
โดยมีภาพถ่ายขณะที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเสด็จมาเยี่ยมพสกนิกร เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2523 โดยครั้งนั้นการเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรฝายกักเก็บน้ำ ที่ได้ทรงดำริให้สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ในระยะยาวของพสกนิกร ในพื้นที่ ต.ลำพะยา ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ ทำนา ทำสวน จากนั้นจึงได้เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมพสกนิกรที่เฝ้ารอรับเสด็จ ที่วัดสิริปุณณาราม หรือวัดลำพะยา ตามภาพถ่ายที่ได้บันทึกเอาไว้

นายยูโซะ สาและ อายุ 70 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ลำพะยา ซึ่งอดีตเคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 บ้านหนุ่น เล่าให้ฟังว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ที่พระองค์ได้ทรงดำริให้มีการจัดสร้างฝายเก็บน้ำ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ โดยเมื่อตอนที่พระองค์ได้เสด็จมาทอดพระเนตรที่ฝาย ก็รู้สึกดีใจที่พระองค์จะเสด็จมา เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะเป็นไปได้ที่พระมหากษัตริย์จะเสด็จไปยังพื้นที่ต่างๆ

โดยตนเองก็ได้เข้ารับเสด็จในครั้งนั้นด้วย ขณะที่พระองค์ทรงเสด็จมายังฝายเก็บน้ำ ก็ทรงได้ทอดพระเนตรภูมิศาสตร์โดยรอบ พร้อมทั้งมีพระราชดำรัสให้ทางชลประทานยะลา ดำเนินการสร้างฝายกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ขึ้นอีก เพราะทรงเล็งเห็นผลประโยชน์แล้วว่า ฝายที่ทรงดำริให้จัดสร้างขึ้นในครั้งนี้จะสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ชาวบ้านอีกนับร้อยชีวิต


ซึ่งหลังจากที่ฝายกักเก็บน้ำบ้านหนุ่น ได้สร้างเสร็จ ประชาชน เกษตรกรในพื้นที่ก็ได้รับประโยชน์มากมาย เพราะเมื่อก่อนนั้นตอนที่ยังไม่มีฝาย การทำนา ทำการเกษตรในแต่ละปีชาวบ้านเองต้องไปทำนบกั้นน้ำตามมีตามเกิด แต่ภายหลังจากพระองค์ท่านดำริให้จัดสร้างฝายแห่งนี้แล้ว ประชาชนที่มีอาชีพเกษตรกรก็ได้รับประโยชน์อย่างล้นหลาม แต่ ณ ตอนนี้ก็เกิดปัญหาน้ำขาดแคลนจากความแห้งแล้งจากการตัดไม้ทำลายป่า

นายยูโซะ สาและ กล่าวอีกว่า ตนเองรู้สึกเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่อยากให้พระองค์ท่านจากไป ตนเองมองว่าไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดที่มีชีวิตอย่างในหลวง พระองค์ทรงปฏิบัติอย่างเสมอภาค ถือว่าประชาชนเป็นคนของในหลวงทุกคน แต่กลุ่มคนบางกลุ่มกลับลืมคิดว่า เราเองเป็นคนของในหลวง แม้พระองค์ท่านจะทรงดำริสอนอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้นำมาคิดทบทวน จะหากษัตริย์พระองค์ใดเปรียบเสมือนพระองค์ในโลกนี้ไม่ได้อีกแล้ว

ทั้งนี้ โครงการฝายพระราชดำริ ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา ได้มีการสำรวจพื้นที่เมื่อปี 2515 โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุ หมู่ที่ 2 ต.ลำพะยา ซึ่งเคยเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ จัดสร้างเป็นฝายเก็บน้ำ โดยให้ชลประทานยะลา เป็นผู้รับผิดชอบ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมในพื้นที่ได้ใช้สอยน้ำไม่น้อยกว่า 550 ไร่


แต่หลังจากสร้างฝายเสร็จ เมื่อปี 2523 และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จมาทอดพระเนตรโครงการ ก็ทรงดำริให้จัดสร้างฝายเก็บน้ำขนาดใหญ่ขึ้นอีก 1 แห่ง แต่ก็ยังไม่ได้มีการเริ่มก่อสร้าง เนื่องจากปัญหาการครอบครองที่ดินในพื้นที่ โดยในปัจจุบันฝายเก็บน้ำลำพะยา มีเกษตรกรได้รับประโยชน์มากถึง 4,600 ไร่





----------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น