วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ภรรยาและลูกสาวของพระสหายแห่งสายบุรี ยังคงเศร้าใจหลังในหลวงทรงสวรรคต


หลังจาก สำนักพระราชวังออกประกาศ เรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา สร้างความเศร้าเสียใจให้กับพสกนิกรชาวไทยทุกเชื้อชาติ ศาสนา หลังจากที่ต้องสูญเสียพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า เฉดเช่นเดียวกับครอบครัวของนายวาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรี ถังแม้ว่านายวาเด็ง ได้เสียชีวิตอย่างสงบแล้วด้วยโรคชรา ภายในบ้านพักของตัวเองเมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 7 สิงหาคม 2555 ที่ตำบลปะเสยะวอ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ในวัย 96 ปีไปแล้ว แต่ครอบครัวของนายวาเด็ง ยังคงสานต่อเจตนารมณ์นายวาเด็ง ในการจงรักภักดี และทราบซึ่งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อครอบครัวอย่างหาที่สุดไม่ได้ ทำให้ในขณะนี้ทางครอบครัววาเด็ง ยังคงทำใจไม่ได้ และยังคงโศกเศร้ากับการสูญเสียในครั้งนี้


ทำให้ในวันนี้ (17 ต.ค. 59) นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 5 บ้านบาเลาะ ตำบลปะเสยาวอ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี พร้อมทั้งนำกระเช้าของขวัญมามอบให้กับนางสะลาเมาะ ปูเต๊ะ อายุ 90 ปี ผู้เป็นภรรยา และนางอะตีเกาะ ปูเต๊ะ อายุ 40 ปี บุตรสาวของนายวาเด็ง เพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจกับทั้งคู่ ซึ่งยังคงอยู่ในสภาพที่โศกเศร้า พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลครอบครัวของนายวาเด็ง ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางไปดูต้นต้นจำปะดะหลังบ้านที่มีอายุกว่า 100 ปี ซึ่งนายวาเด็ง ได้กำชับกับครอบครัวก่อนเสียชีวิต ให้ดูแลต้นจำปะดะให้ดี และนำผลของจำปาดะที่ดีที่สุด นำไปถวายให้กับในหลวง อย่างที่ตนเองเคยทำมาทุกปี ซึ่งทางครอบครัวได้ถือปฏิบัติด้วยดีเสมอมา


ด้าน นาง อะตีเกาะ ปูเต๊ะ บุตรสาว ได้บอกับผู้สื่อข่าวด้วยภาษามาลายู ว่า หลังจากที่รับทราบข่าว ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงสวรรคต ก็ได้รีบมาบอกกับผู้เป็นแม่ทันที แม่ก็รู้สึกเสียใจและคิดถึงในหลวง รักในหลวงเป็นอย่างมาก และรู้สึกเสียดายที่พระองค์ท่านจากเราไป เพราะพระองค์ท่านทรงเป็นคนดีและเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคน


----------------


แหล่งที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น