ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาลในการสร้างโอกาสและเพิ่มช่องทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการภาคใต้
ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้กล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็น
ทางการนอกสถานที่
ณ จังหวัดนราธิวาส ว่าจะมีการจัดประชุมร่วมกับภาครัฐภาคเอกชนทุกฝ่ายเพื่อหารือแนวทางการแก้ปัญหาการค้าชายแดนไทย-มาเลเซียพร้อมพบปะกลุ่มนักธุรกิจไทย-มาเลเซียเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาพรวมเศรษฐกิจการค้าการลงทุนในพื้นที่เมืองชายแดนของประเทศไทย
ขณะนี้ได้เห็นผลเป็นรูปธรรมตามแผนที่กำหนดไว้แล้ว
เพราะได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆที่สอดรับตามแนวทางของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ
ภายใต้ชื่อ"มหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่13-16
กุมภาพันธ์ 2563 ณ จังหวัดนราธิวาส ประกอบด้วย
การลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันระหว่าง EXIM Bankไทย-มาเลเซีย SME
Bank ไทย-มาเลเซีย
เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการส่งเสริมการค้า สินค้าและบริการของผู้ประกอบการSME ของทั้ง2 ประเทศ การเจรจาจับคู่ธุรกิจ(Business Matching) ผู้ประกอบการไทย-มาเลเซีย ☕☕ในการเจรจาซื้อขายและแลกเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจร่วมกัน
การประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย
โดยมีหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนทั้งส่วนกลางและในพื้นที่ 14
จังหวัดภาคใต้ร่วมประชุมอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ยังมีการจัดสัมมนาให้ความรู้ในเรื่องการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวสู่การส่งออก
การสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องการออกหนังสือสำคัญการส่งออกนำเข้า
และการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าไทยมาเลเซีย ณ ลานอเนกประสงค์สนามกีฬามหาราช
อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โดยนำผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ
เพื่อส่งเสริมคุณค่าของผลิตภัณฑ์ไทยที่สะท้อนถึงความงดงามของศิลปวัฒนธรรมไทย
พร้อมกันนี้ได้เชิญผู้ประกอบการไทยมาเลเซีย
เข้าร่วมออกร้านรวมกว่า 100 คูหา แยกเป็นโซน E Commerce Super Brand โซน International โซนFood market โซน Lifestyle Market และโซนYEN-D ที่เป็นกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ของไทยซึ่งร่วมสร้างเครือข่ายการค้ากับผู้ประกอบการมาเลเซีย
โดยภายในงานได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเป็นอย่างมาก
สำหรับความสำเร็จของการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนจังหวัดนราธิวาส
โดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ที่เห็นอย่างเด่นชัดที่สุด คือ
จะเกิดประโยชน์โดยตรงกับผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้
โดยเฉพาะกลุ่ม SME เพราะจะได้มีเวทีเจรจาการค้า ได้พบปะกับผู้ประกอบการจากประเทศมาเลเซียซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่สามารถรองรับสินค้าจากประเทศไทยและขยายตลาดไปในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนได้อีกมาก
ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้า และการลงทุนตามแนวชายแดนภาคใต้
และภาพรวมของภาคใต้ ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ในการขยายมูลค่า
สร้างความเชื่อมโยงระหว่างเขตพัฒนาเศรษฐกิจของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น