ชาวสวนผลไม้ในพื้นที่
หมู่ที่ 1 ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เร่งตอนกิ่ง
อนุรักษ์พันธุ์ส้มโอหอมหน้าถ้ำที่ขึ้นชื่อในสมัยอดีต
มีรสชาติหวานหอมอร่อยไว้ให้ลูกหลาน และไว้จำหน่าย หลังหลายปีที่ผ่านมา
ในพื้นที่มีคนปลูกน้อยน้อยลง ซึ่งต่างกับในสมัยอดีต จนใกล้สูญพันธุ์
เนื่องจากการดูแลบำรุงรักษาค่อนข้างยุ่งยาก
นายพนม
หนูแดง เปิดเผยว่า พื้นที่สวนของตนเอง มีจำนวน 2 ไร่
ก็จะแบ่งปลูกไม้ผลหลายๆ ชนิด มีทั้งละมุด เงาะ ทุเรียน ส้มโอ ซึ่งส้มโอก็จะมีอยู่
จำนวนกว่า 20 ต้น โดยผลไม้ที่ปลูกไว้ก็จะให้ผลผลิตตลอดปี
มีรายได้จากการขายผลผลิตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับส้มโอที่ปลูกไว้จะมีทั้งพันธุ์ทับทิมสยาม
และพันธุ์ปัตตาเวีย ซึ่งเป็นพันธุ์ของอินโดนีเซีย ที่ขึ้นชื่อของชาวตำบลหน้าถ้ำ
มีรสชาติอร่อย คงเอกลักษณ์เดิมๆ โดยจะใช้วิธีการบำรุงรักษา เพิ่มธาตุอาหารให้บ่อย
ให้ปุ๋ย ให้อาหารครบถ้วน จะได้รสชาติ และคุณภาพคงเดิม
แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับดินด้วย ซึ่งพืชแต่ละชนิดต้องการธาตุอาหารไม่เหมือนกัน
นอกจากนี้ยังให้กากขี้เกลือกับต้นส้มโอด้วย
ซึ่งตามปกติส้มโอจะชอบน้ำกร่อย แต่ในพื้นที่จังหวัดยะลา ไม่มีน้ำทะเล
ก็ต้องใช้กากขี้เกลือแทนมาใส่ผสมด้วย
ซึ่งความเข้มข้นหวานเปรี้ยวของส้มโอจะอยู่ตรงนี้
“ส้มโอ” จะมีการดูแลหลายขั้นตอน
ค่อนข้างยุ่งยากเมื่อออกดอกติดลูกนิดๆ จะต้องเริ่มห่อ ถ้าไม่ห่อ จะมีโรคแมลงตามมา
แมลงจะเข้ามาเจาะ ทำให้ผิวไม่สวยเป็นตะปุ่มตะป่ำ
เมื่อสุกเต็มที่เนื้อจะมีสีชมพูอ่อน หวานเปรี้ยว รับประทานแล้วชุ่มคอ
โดยลูกใหญ่สุด แก่จัด จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 2-3 กิโลกรัม
ให้ผลผลิตปีละ 2 ครั้ง ถ้าต้นใหญ่ มีลูกเกือบร้อยลูก
ขายได้ลูกละ 40-50 บาท
ซึ่งเป็นราคาสินค้าเกษตรพื้นบ้านราคาไม่ขึ้นลง
ช่วงนี้เริ่มตอนกิ่งที่แก่จัดไว้บ้างแล้ว เพื่ออนุรักษ์พันธุ์ส้มโอหอมหน้าถ้ำให้คงอยู่คู่กับชาวตำบลหน้าถ้ำ
ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น