วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2559

"ม.อ.โพล" เผยประชาชนมีความเชื่อมั่นสูงสุดว่าโครงการ "เมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" จะนำไปสู่คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในพื้นที่

รองศาสตราจารย์ ดร.มิตรชัย จงเชี่ยวชำนาญ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า การจัดทำ ม.อ.โพล มาจากการหารือกับผู้บริหาร โดยเห็นว่า ม.อ.น่าจะมีเครื่องมือในการรับฟังข้อมูลจากประชาชน หรือ ภาคประชาสังคม เมื่อฟังเสียงสะท้อนแล้วสามารถที่จะช่วยแก้ปัญหาโดยนำเอางานวิจัยมาเป็นฐาน สร้างเครื่องมือการรับฟัง ที่เรียกว่า ม.อ.โพลตัวโพล จะเป็นเครื่องมือในการที่รับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนได้ ท่านอธิการบดี และรองอธิการบดี รองศาสตราจารย์ ดร.พีระพงศ์  ทีฆสกุล รองอธิการบดีฝ่ายระบบวิจัยและบัณฑิตศึกษา ให้หลักคิดว่าควรจะต้องใช้งานวิจัยมาเป็นฐาน โดยโพลของ ม.อ.จะต้องสร้างความแตกต่างที่ต้องค้นหาคำตอบให้สังคมด้วย ไม่ใช่แค่รับฟังและสะท้อนอย่างเดียว
ต้องค้นหาคำตอบ จากแนวทางการแก้ปัญหา ถ้าเป็นงานวิจัยก็เอากลับไปที่เรื่องงานวิจัย จะสัมพันธ์กันทั้ง ม.อ.โพล และงานวิจัย เป็นไปทั้งระบบ อีกส่วนหนึ่งเราคิดว่า ม.อ.น่าจะมีบทบาทในการชี้ทิศทางให้กับสังคมด้วย สิ่งสำคัญก็คือ เราอยู่ในภาคใต้ อยากทำให้คนภาคใต้มีความสุข มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตัวอย่างโพลที่ทำครั้งแรก คือ โพลความสุขของคนในภาคใต้ เราอยากจะรู้ว่าคนในภาคใต้มีความสุขหรือไม่ เราทำสำรวจทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ จากกลุ่มตัวอย่างตามหลักสถิติใช้หลักการอำนาจในการให้ข้อมูล พบว่าจังหวัดสตูล มีความสุขมากที่สุด เป็นอันดับหนึ่งของภาคใต้  เราทำเครื่องมือขึ้นมา เรียกว่า ดัชนีชี้วัดความสุขหลักคิดมาจากประเทศภูฏาน บวกกับของกระทรวงสาธารณสุข และเพิ่มการคำนวณเข้าไปอีก 2-3 ประเด็น สร้างเป็นอัตลักษณ์ดัชนีของ ม.อ.เอง เป็นโพลแรกที่ทำรองศาสตราจารย์ ดร.มิตรชัย กล่าวและว่า


รองศาสตราจารย์ ดร.มิตรชัย จงเชี่ยวชำนาญ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุ ม.อ.ปัตตานี
ส่วนโพลความเชื่อมั่น เกี่ยวกับประเด็นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อแผนงาน เมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน พัฒนาชายแดนใต้ตามนโยบายของรัฐบาล ศอ.บต.ได้ประสานให้ม.อ.ช่วยทำสำรวจว่าคนใน 3 จังหวัด 3 อำเภอ มีความเชื่อมั่นเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนหรือไม่ เราลงพื้นที่สำรวจเฉพาะในอำเภอเป้าหมาย คือ หนองจิก เบตง และสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นจุดของสามเหลี่ยมยังไม่ได้กระจายโดยรอบ คณะทำงานสำรวจและพบว่าประชาชนในเขตอำเภอภายใต้นโยบายมีความเชื่อมั่นค่อนข้างจะสูง ดูจากแบบสำรวจ โดยตั้งคำถามว่ามีความเชื่อมั่นต่อโครงการนี้หรือไม่ รู้จักโครงการนี้หรือไม่ ท่านคิดว่าท่านจะมีส่วนร่วมในโครงการนี้ได้อย่างไร และข้อเสนอแนะ
การเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจำนวน 580 กลุ่มตัวอย่างในทุกตำบลของอำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอเบตง และหนองจิก ผลออกมา คือ ด้านการรับรู้ข้อมูลโครงการดังกล่าว ประชาชนในพื้นที่เมืองต้นแบบรับรู้ข้อมูลข่าวสารโครงการ ถึงร้อยละ 80.10 ผ่านสื่อสารมวลชน เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่อออนไลน์ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 51.90 ประชาชนอายุ 60 ปี ขึ้นไปมีการรับรู้มากที่สุด โดยประชาชนในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก มีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารโครงการฯ มากที่สุด
จากการสำรวจ พบว่า ค่าคะแนนความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมของโครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน พัฒนาชายแดนใต้ อยู่ที่ระดับค่าคะแนน 3.79 โดยประเด็นที่ประชาชนในพื้นที่มีความเชื่อมั่นสูงสุด อันดับแรกคือ เชื่อมั่นว่าแผนงานจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในพื้นที่ มีระดับค่าคะแนน 3.86 อันดับที่สอง คือ เชื่อมั่นว่าแผนงานจะนำพาอำเภอสุไหงโก-ลก เป็นศูนย์กลางการค้าชายแดนระหว่างประเทศซึ่งจะมีการจับจ่ายใช้สอยของคนทุกระดับทั้งในและนอกประเทศ มีระดับค่าคะแนน 3.85 และประเด็นที่สาม เชื่อมั่นว่าแผนงานจะนำพาอำเภอเบตงเป็นเมืองต้นแบบการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน มีระดับค่าคะแนน 3.83
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอหนองจิก จ.ปัตตานี มีการประชุมเกี่ยวกับโครงการเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของอำเภอหนองจิก จ.ปัตตานี
นอกจากนั้นยังพบว่า อำเภอเบตง เป็นพื้นที่ที่ประชาชนมีระดับค่าคะแนนความเชื่อมั่นต่อโครงการสูงที่สุดโดยมีระดับค่าคะแนน 3.82 รองลงมาคือ อำเภอหนองจิก ส่วนอำเภอสุไหงโก-ลก ซึ่งมีการรับรู้โครงการมากที่สุด กลับมีระดับความเชื่อมั่นน้อยที่สุด คือ 3.75  ทั้งนี้ ผู้ทำแบบสอบถาม ยังให้ข้อเสนอแนะต่างๆ เพิ่มเติม เช่น อยากให้การพัฒนาคำนึงถึงความเป็นจริงในพื้นที่ให้มากที่สุด คำนึงถึงอัตลักษณ์ของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ครอบคลุมในทุกศาสนา และต้องการให้แผนดังกล่าวมีการดำเนินการได้อย่างจริงจังดังที่ได้ประชาสัมพันธ์ไว้ เพื่อสันติสุขและเกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการ กล่าวอีกว่า ผลสำรวจที่ว่าอำเภอสุไหงโก-ลก มีการรับรู้โครงการมากที่สุด แต่กลับมีระดับความเชื่อมั่นน้อยที่สุด คือ 3.75 นั้นอาจมีหลายปัจจัย เช่น การรับรู้ข่าวสาร แต่จริง ๆ แล้วระดับความเชื่อมั่นยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอำเภอ เบตงและอำเภอหนองจิก แต่ค่าคะแนนความเชื่อมั่นจะน้อยกว่ามาเป็นอันดับ 3
คิดว่าเรื่องเมืองการค้าชายแดนอาจยังไม่ค่อยชัดเจนมากเท่าไหร่ในมุมมอง อาจมีหลายปัจจัยที่ว่าทำให้คนในพื้นที่ไม่เชื่อมั่นมากนัก แม้จะเป็นอัตลักษณ์ของสุไหงโก-ลกเองก็ตาม เป็นโจทย์สำคัญที่ ศอ.บต. จะต้องประชาสัมพันธ์ หรือสร้างความชัดเจนในทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ และทำให้ประเด็นเบื้องลึก (hidden agenda) คลี่คลาย คิดว่าคนในพื้นที่ทราบปัญหาดี เป็นเรื่องสำคัญในการสร้างความเข้าใจกับทุกฝ่ายเพื่อนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นรองศาสตราจารย์ ดร.มิตรชัยกล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น