ดาหลา
เป็นไม้ดอกท้องถิ่นทางภาคใต้ชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกอยู่มากในเขตจังหวัดยะลา นราธิวาส
เป็นระยะเวลานาน ในอดีตดาหลามีการนำหน่ออ่อนและดอกมาใช้เป็นผักประกอบอาหาร เหมือนผักทั่วไป
การนำไปใช้เป็นผักประกอบอาหารบางประเภทเพื่อบริโภคในพื้นที่
ในขณะที่ไม่ได้มีการส่งเสริมให้ปลูกส่งผลทำให้ปริมาณต้นดาหลาในพื้นที่ภาคใต้เริ่มลดน้อยลงทุกปี บางสายพันธุ์ที่มีปลูกอยู่ในพื้นที่ถึงกับเกือบจะสูญพันธุ์ ดังนั้นศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดตรัง
(พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) จึงได้ทำการเก็บรวบรวมพันธุ์มาเพาะเลี้ยงไว้ที่ศูนย์
เพื่อเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุกรรมพืชที่กำลังจะสูญสิ้นไป
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร
จังหวัดตรัง (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) ให้ข้อมูลว่า ดาหลาเป็นพืชล้มลุกประเภทใบเลี้ยงเดี่ยว
มีดอกที่สวยงาม จัดเป็นพืชที่มีอยู่ในวงศ์เดียวกับขิงและข่า
มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่าเหง้าซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดของหน่อดอกและหน่อใหม่ ส่วนลำต้นจะอยู่เหนือผิวดินขึ้นมามีสีเขียวเข้มลักษณะเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่น
มีความสูงประมาณ 2-3 เมตร โดยรวมแล้ว
ดาหลา 1 ต้น สามารถให้หน่อใหม่ได้ประมาณ 7 หน่อ ในเวลา 1 ปี
ใบ
มีรูปร่างยาวรี กลางใบกว้างแล้วค่อยๆเรียวไปหาปลายใบและฐานใบ
ผิวเกลี้ยงทั้งด้านบนและด้านล่าง มีความยาวใบประมาณ 30-80 เซนติเมตร ส่วนดอก จะมีลักษณะเป็นดอกช่อ
ประกอบด้วยกลีบประดับเรียงซ้อนกันจะบานออกประมาณ 25-30 กลีบ
ลักษณะเด่นของดาหลาที่อีกหนึ่งประการ
คือ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีแสงรำไร หรือที่ร่ม ไม้ยืนต้น
สามารถเก็บดอกได้ตลอดทั้งปี แต่จะให้ดอกดกในช่วงฤดูร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม)
ในขณะที่ไม้ดอกชนิดอื่นๆไม่มีดอกให้เก็บ
ปัจจัยในการปลูกดอกดาหลาที่ผู้ปลูกต้องคำนึง
คือ แสงและฤดูกาล แปลงปลูกควรให้แสงส่องผ่านประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์
หากโดนแสงแดดมากเกินไปสีของกลีบประดับจะจางและทำให้ใบไหม้ นอกจากนี้ฤดูปลูกที่เหมาะสมควรเป็น ฤดูฝนช่วงเดือน กรกฏาคม – สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ดาหลาจะมีการเจริญเติบโตทางด้านลำต้นและแตกหน่อได้มาก
ปัจจุบันศูนย์ฯ
เก็บรวบรวมพันธุ์ดาหลาไว้ในพื้นที่ศูนย์ทั้งหมด 4 สายพันธุ์
ได้แก่ พันธุ์ดอกสีชมพู สีแดง สีขาวและสีชมพูอ่อน(โอโรส) โดยมีวิธีการเพาะขยายพันธุ์
4 วิธีดังนี้
1.การแยกหน่อ คือ
เป็นวิธีการแยกหน่อที่มีความเหมาะสม กล่าวคือ ต้องมีความสูงประมาณ 60-100 เซนติเมตรขึ้นไป มีกิ่งอ่อนกึ่งแก่ประมาณ 4-5 ใบ มีหน่อดอกอ่อนๆประมาณ 3 หน่อ
นำไปปลูกลงถุงพลาสติกประมาณ 1
เดือนเพื่อให้หน่อแข็งแรงก่อนนำลงไปปลูกในแปลง
2.การแยกเหง้า คือ
เป็นการแยกเหง้าที่เกิดใหม่ที่โคนต้น ไปปลูกในแปลงเพาะชำ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ต้นจึงจะเริ่มให้ดอก
3.การปักชำหน่อแก่ กล่าวคือ
การนำหน่อแก่ไปชำในแปลงเพาะชำเพื่อให้แตกหน่อใหม่ที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง
จากนั้นจึงค่อยแยกหน่อใหม่ย้ายลงไปปลูกในแปลง
4.การเพาะเมล็ด คือ
การนำเมล็ดแก่ที่ได้จากต้นแม่ไปเพาะในกระบะปลูกจนได้ต้นกล้าและย้ายลงปลูกในถุงพลาสติก
พอต้นแข็งแรงถึงจะสามารถนำลงแปลงปลูกได้ แต่อย่างไรก็ตามการขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้ค่อนข้างจะช้ากว่าวิธีอื่นๆ
แต่จะได้ผลดี คือ มีอัตราการได้ต้นดาหลาสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นจากการหลายพันธุ์ของต้นพ่อและแม่
สำหรับแปลงปลูกดาหลา
โดยทั่วไปจะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความกว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร ความยาวตามขนาดของพื้นที่
แปลงปลูกดาหลาจะมีสองแบบ
คือ การปลูกแบบยกร่องสวน และไม่ยกร่องสวน ซึ่งทั้งสองวิธีจะทำการไถ่พรวนตากดินไว้ประมาณ
5-7 วัน จากนั้นขุดหลุมปลูกระยะห่างระหว่างต้นและแถวประมาณ 2 เมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตร 20-20-20 ในอัตรส่วน 1 ต่อ 25
จากนั้นนำต้นพันธุ์ที่เตรียมไว้ด้วยวิธีการขยายพันธุ์ที่กล่าวมาทั้ง 4 วิธีข้างต้นลงปลูก กลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม
แต่ถ้าหากปลูกในเชิงพานิชย์ แนะนำว่าควรทำการขุดยกร่องสวนให้มีคูน้ำลึกประมาณ 1 เมตร กว้าง 1 เมตร ขั้นระหว่างแปลงปลูก
เพื่อให้มีความชุ่มชื้นภายในแปลงอยู่ตลอดเวลา
การให้ปุ๋ย
ต้องให้ 2-3 เดือนต่อครั้ง โดยจะใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16
ในอัตรา 96 กิโลกรัมต่อไร่ ปุ๋ยคอก 15
กิโลกรัมต่อต้นต่อปี นอกจากนี้อาจใช้อินทรีย์วัตถุทีผุพัง เช่น ใบไม้ต่างๆ
ลำต้นแก่ของดาหลา วัชพืชที่ขึ้นตามท้องร่องมาหมักเป็นปุ๋ย
หรืออาจใช้ดินเลนจากท้องร่องพูนใส่ตามโคนต้นในกรณีปลูกแบบยกร่อง
การให้น้ำ
ในระยะเริ่มแรกของการปลูก ต้องรดน้ำให้ชุ่ม วันละ 1 ครั้ง
แต่เมื่อต้นดาหลาเริ่มตั้งตัวได้อาจเว้นระยะห่างของการให้น้ำจากวันละครั้งออกไปเป็นประมาณ
2-3 วันต่อครั้ง แต่อย่างไรต้องคำนึงถึงสภาพอากาศ
ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนควรเพิ่มการให้น้ำมากขึ้น
โดยใช้ระบบการให้น้ำแบบสปริงเกอร์บนแปลงที่ไม่ยกร่อง
ดาหลาเป็นพืชที่มีการเจริบเติบโตที่รวดเร็ว เพราะฉะนั้นในช่วงแรกจะต้องทำการกำจัดวัชพืชบ่อยๆ แต่เมื่อดาหลาโตกอแน่นใบบังแสงซึ่งกันและกัน
แสงไม่สามารถส่องผ่านมากระทบพื้นดิน ทำให้วัชพืชไม่สามารถเจริญงอกงามได้
ระยะหลังจึงไม่ต้องทำความสะอาดเก็บวัชพืชบ่อยมากนัก ส่วนโรคและแมลงยังพบโรคทีเป็นปัญหาสำคัญกับดาหลา
สำหรับการเก็บเกี่ยวดอกดาหลาจะนิยมตัดในช่วงเช้า
จะเลือกดอกที่มีความสมบูรณ์ พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้ซึ่งจะมีอายุประมาณ 2 อาทิตย์ นับตั้งแต่เริ่มแท่งหน่อดอก โดยการตัดกานดอกดาหลาจะต้องตัดให้ชิดโคนแล้วนำไปแช่ในน้ำสะอาด
ห่อดอกด้วยถุงพลาสติกเพื่อป้องกันไม่ให้กลีบดอกห้อยและช้ำ
ยืดอายุการใช้งานได้นานถึง 3-7 วัน
ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมโดยรอบ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดตรัง (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง)
โทรศัพท์ (075)582-3123 คุณวรรณา พรหมบุญทอง
(วันเวลาราชการเท่านั้น)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น