วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ยินดีที่เราได้รู้จักกันนะ..เบตง

เบตง..ทำให้มุมมองความรักเราเปลี่ยนไป
กำแพงความคิดที่เราเคยตั้งไว้กับอำเภอนี้ได้พังทลายลงอย่างราบคาบเราแพ้แล้ว เราแพ้หัวใจคนที่นี่
ถ้าเบตงเป็นใครสักคน....

คงเป็นคนที่เราไม่คิดอยากจะรู้จัก ไม่อยากคุยกะเค้า
เพราะใครๆ ก็พูดกันว่าเบตงนิสัยไม่ดี..เบตงไม่น่ารัก..เบตงรุนแรง     งู้นงี้งั้นนึก โกรธตัวเองนักที่มองอะไรแค่ผิวๆ
ประสบการณ์เดินทางเข้ามาใช้ชีวิตร่วมกับคนท้องถิ่น
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็เหอะ...
เราพบว่า เบตงสงบ เรียบร้อย น่ารัก และอบอุ่น
เชื่อไหมว่า...ไม่มีวันไหนที่หัวใจเราไม่พองโต
เริ่มจากไม่อยากรู้จักกลายเป็นหลงรัก...
การเดินทางเข้าเบตงไม่ยากอย่างที่เราเคยวาดความคิดไว้เอง
กรุงเทพสู่หาดใหญ่แล้วต่อรถตู้เข้าเบตง แค่นั้นเองจริงๆ
รถตู้มีสองเส้นทางให้เลือกเดินทางคือ เส้นทางจากหาดใหญ่ผ่านเส้น 410 หาดใหญ่-จะนะ
หรือเส้นทางจากหาดใหญ่ผ่านทางมาเลเซียสู่เบตง
เพื่อความรื่นรมย์สบายใจในการเดินทางเราเลือกเส้นทางเข้ามาเลย์
มันเหมือนเที่ยว ตปท อ่ะนะ 555
แน่นอนว่าต้องมีพาสปอร์ตสำหรับเข้าเมือง
ขั้นตอนนี้ง่ายดายและสะดวกสบายมากนั่งรถชมวิวมาเลย์ไปเพลินๆ แป๊บเดียวถึงเบตงแล้วรวมเวลาจากหาดใหญ่ถึงเบตงประมาณสามชั่วโมง....

โอเคเบตง...ตื่นเต้นนนนน
คนเบตงคนแรกที่เราเจอชื่อโกเอ็กซ์
โกเอ็กซ์เป็นใครก็ไม่รู้...จริงๆ นะ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ 555
รู้แค่ว่า..หัวใจโกเอ็กซ์มีพลังมาก
เคยมั้ย เคยเจอคนที่พลังล้นเหลือ แล้วพลังนั้นมันเอ่อล้นไหลสู่คนอื่น
นั่นแหละ โกเอ็กซ์เป็นอย่างนั้น
โกเอ็กซ์มีความฝันที่จะสร้างเมืองเบตงให้เป็นเมืองแห่งความสุข
ความฝันอยากให้คนเบตงมีความสุข มีแขกมาเยือนเบตง
ด้วยความสุข....นี่บอกเลยว่า..ตั้งแต่วันแรกมีความสุขมากกกกก

เบตงยังดูวัยรุ่นมีความทันสมัยในวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม
ตอนนี้ในเมืองเบตง มีสตรีทอาร์ตทั่วเมืองให้ถ่ายรูปได้ชนิดที่เดินถ่ายทั้งวันยังไม่หมด สตรีทอาร์ทที่มาจากฝีมือศิลปินหลากหลายสถาบัน
ที่โกเอ็กซ์ประสานให้มาช่วยกันสร้างศิลปะสวยๆ ทั่วเมือง
คือเราจะบอกว่างานดีอะ บางงานนี่เป็นฝีมือศิลปินระดับประเทศเชียว
ศิลปินมือรางวัล นักศึกษาศิลปะปริญญาโท-เอก
ผลงานเหล่านี้ถ้าคิดเป็นราคาคงมากมายมหาศาลประเมินค่าไม่ได้เลย แต่คนเหล่านี้มาร่วมวาดเบตงด้วยใจเดียวกัน
คือใจที่รักในศิลปะและเราเชื่อว่าต่อจากนี้ศิลปะในเมืองเบตงก็จะทำหน้าที่มอบความสุขคืนกลับให้ผู้คนเช่นกัน....

เบตงมี 4 ตำบล 32 หมู่บ้าน 27 ชุมชน...ข้อมูลแน่นมาก 5555
ที่ตำบลอัยเยอร์เวง
โกเอ็กซ์คนเดิมบอกว่ามีทะเลหมอก
โม้ป่าว..โกเอ็กซ์ อย่ามาหลอกคนกรุงเทพเลย
ทะเลหมอก ทะเลหม๊อกกกก อยากตะโกนดังๆ
มีทะเลจริงๆ ทะเลหมอกแท้ๆ อยู่ตรงหน้าเรา
ใครจะคิดบ้างว่าใต้สุดของประเทศไทยจะมีทะเลหมอก
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ชื่อเก๋ไก๋
ที่นี่ไม่ต้องตะเกียกตะกายเทรกกิ้งให้ร่างพัง
พระอาทิตย์ขึ้นเมื่อไหร่ทะเลหมอกที่นี่จะค่อยๆ ไหลอย่างสงบ หมอกขาวๆ ค่อยๆสะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นสีทอง
พร้อมกับจางตัวลงให้เห็นเทือกเขาและแม่น้ำปัตตานีเบื้องล่าง
โคดสวย...
แล้วโกเอ็กซ์คนเบตงคนเดิม ก็แนะนำให้เรารู้จักอุโมงค์ปิยมิตรอีก
อารายยยเนี่ย อุโมงค์อะไรคะโก
เอาวะ!! ไปก็ไป เกิดมาเพิ่งเคยนั่งรถไปเที่ยวอุโมงค์
หลังจากจ่ายเงินค่าเข้าสี่สิบบาทแล้ว
ก็เดินๆๆๆ ไปเจอคุณลุงเจ้าหน้าที่คนจีนพูดไทยไม่ค่อยชัดอธิบายเรื่องอุโมงค์ ลุงเล่าถึงอดีตที่มาของอุโมงค์นี้ว่าเป็นร่องรอยการสู้รบของคอมมิวนิสต์มาลายาว่าที่นี่เคยใช้เป็นฐานปฏิบัติการหลบภัยทางอากาศอุโมงค์ความยาวหนึ่งกิโลเมตรนี้ซ่อนตัวอยู่บนเนินเขาปกคลุมด้วยหญ้าทึบ มีทางเข้าออก 9 ทาง

เรื่องทั้งหมดกำลังตื่นเต้นแล้วเชียวมาพีคสูงสุดตรงที่ลุงเล่าถึง       ในอุโมงค์มีที่นอนด้วย ห้องประชุมด้วย เก็บอาหารเสบียงด้วยบางที   ก็เอา สะเดาไปเก็บรวมกับช้าง?!!!??!!
ยังไงอะ คอมมิวนิสต์แถวนี้กินสะเดาแกล้มช้างเหรอ..แปลกมาก
อ๋อออออ ไม่ใช่สะเดา...เสือดาวจ้า เสือดาวกับช้างจ้า
ไม่แน่ใจว่าลุงพูดไม่ชัดหรือเราเองที่ฟังไม่ดีกันแน่ 5555
ทางเดินในอุโมงค์ เป็นอุโมงค์แคบๆหลวมกว่าตัวนิดหน่อย สูงกว่าหัวนิดนึงบางจังหวะอาจจะต้องเดินก้มๆ บ้าง

ระหว่างเดินอยู่ก็จะมีทางแยกให้ออกแล้วแต่ว่าจะเลือกออกแยกไหน
สนุกดี..ได้สมมุติว่าตัวเองอยู่ในหนังสงคราม ใกล้ๆ จุดที่ออกมานั้นมีต้นไม้พันปีตั้งอยู่ ควรแวะถ่ายรูปสักนิด
ด้วยต้นไม้พันปีนี้ใหญ่จริงๆ
ที่ตำบลตาเนาะแมเราะ
มีบ่อน้ำพุร้อนที่มีความน่ารักมาก
ภายนอกรวมๆ อาจจะเป็นบ่อน้ำพุธรรมดา
แต่คือเราเจอป้านุ่งกระโจมอก มาพร้อมขันและสบู่
ป้ามาอาบน้ำแช่ตัวจ้าาาาา
ป้าอาบเสร็จสักพักก็มีอีกคนถือขันมาอีก นั่งๆ อยู่ก็ทยอยมีคนมาอาบเรื่อยๆ เห้ย!! นี่มันออนเซนกลางขุนเขาแบบไทยๆ นี่นา เจ๋งอ่ะ
คิดในใจว่า คราวหน้านะฉันจะเตรียมขันกะผ้าถุงมาบ้าง เอาสิ
อาบเสร็จฉันจะต่อด้วยต้มไข่ 7 นาที
นี่สิ มาสโลว์ไลฟ์ของแท้

ตกเย็นของทุกวันเราจะชอบเดินเล่นในเมือง
เดินดูชีวิตรอบๆ เมือง เราไปถ่ายรูปคุณลุงทอดกล้วยแขกแกก็ยื่นกล้วยแขกมาให้กิน
ไปยืนดูแม่ค้าตักไอติมกลับได้ไอติมกลับมากินฟรีๆ
ตอนหลังเราจึงได้รู้ว่าคนที่นี่เขารู้จักกันหมด
เขารู้ว่าใครคนไหนมาจากต่างถิ่น
การให้สิ่งเล็กน้อยเป็นเหมือนการต้อนรับแขกเมือง
กลับกลายเป็นว่าเรากลายเป็นผู้รับซะเอง
จวบจนใกล้ถึงวันสุดท้ายที่ต้องจากลา
มันดูคล้ายกับว่าเราก็ไม่อยากให้หัวใจเราจากไปไหน
เราฝากส่วนหนึ่งของใจไว้ที่เบตง
ด้วยความหวังว่า สักวันจะกลับมากอบเก็บความรู้สึกดีๆ เติมเต็มให้ชีวิตอีกครั้ง
คิดถึงนะเบตง
แม่วิถีใต้สุดในสยาม
ปล.
งานครบรอบ ๑ ๑ ๑ ปีเล่าขานตำนานเมืองเบตงจะจัดขึ้นวันที่ 11-13 พค. นี้
๑ อำเภอเดียวใต้สุดของประเทศไทย
๑ ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุด
และ ๑ ทะเบียนรถที่เป็นอำเภอเดียวในประเทศไทย
แอบคิดว่าเลขสวยมาก
เบตงแก่แล้วแต่เบตงยังดูไม่แก่เลย...
ถึงวันนี้เบตงเป็นเพื่อนสนิทเราแล้ว
เราก็อยากให้เบตงแข็งแรง สุขภาพดี มีความสุขทุกวันตลอดไปนะ
ใครว่างช่วงเวลานั้นเราก็อยากชวนเดินทางไปรู้จักเบตง
เราก็จะหาเวลาว่างไปหาเพื่อนคนนี้เช่นกัน
เพราะเพื่อนคนนี้น่ารัก สงบ อบอุ่น นิสัยดีจริงๆ
ไปเหอะ อยากให้ไป
๑ ๑ ๑ เล่าขานตำนานเมืองเบตง
เบตงใต้สุดสยาม OK Betong

#เบตง #เที่ยวใต้ #ใต้สุดในสยาม #ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง #ไก่เบตง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น