วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

มะไฟกา-ลังแข ผลไม้ใต้ที่ใกล้สูญพันธุ์


มะไฟกา หรือมะไฟแดง
 เป็นพรรณไม้ยืนต้นที่พบขึ้นอยู่ตามป่า ตามธรรมชาติ พบขึ้นอยู่มากในป่าดิบชื้นของภาคใต้โดยทั่วไป มะไฟกาพบเห็นได้ง่ายในผืนป่าภาคใต้ตอนล่าง เช่น จ.ยะลา นราธิวาส ฯลฯ รวมทั้งภาคใต้ฝั่งอันดามัน ในพื้นที่ จ.พังงาและพื้นที่ใกล้เคียง นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นผลมะไฟกาวางขายตามเพิงข้างถนนในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคมของทุกๆ ปี
ลักษณะเด่นของมะไฟกาคือ ออกดอกติดผลตั้งแต่โคนต้นจากพื้นดินไปจนถึงปลายกิ่งเลยทีเดียว ผลที่สุกนั้นมีสีแดงสด เด่นสะดุดตา ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยหันมาปลูกมะไฟกาเป็นไม้ประดับสวนในปัจจุบัน
ทั้งนี้ มะไฟกาบางต้นก็มีรสชาติหวาน และบางต้นมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ต้นมะไฟกาที่มีขนาดใหญ่อาจให้ผลผลิตสูง 800-1,000 กิโลกรัมทีเดียว
มะไฟกา หรือมะไฟแดง
มะไฟกาเป็นผลไม้ป่าที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปในท้องถิ่นคือ มะไฟกาแดง ส้มไฟป่า ส้มไฟดิน มะไฟเต่า เป็นต้น ในทางพฤกษาศาสตร์ มะไฟกาเป็นไม้ยืนต้นในสกุล Baccaurea ตระกูลเดียวกับจำปูลิ่ง ลำต้นสูงประมาณ 6-10 เมตร เปลือกลำต้นสีเทาอ่อนปนน้ำตาล แตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ บางๆ ใบเดี่ยว ออกรวมเป็นกลุ่ม ข้อต่อระหว่างโคนใบกับก้านใบบวมพอง ดอกออกที่ลำต้นและปลายกิ่งเป็นช่อ ดอกแยกเพศแยกต้น ดอกตัวผู้มีกลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ มีขนสีขาวปกคลุม ดอกตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่า ผลแก่มีสีแดง เปลือกหุ้มมีลักษณะเหนียวและหนา เมื่อแกะเปลือกจะเห็นผลแบ่งมี 3 ห้อง แต่ละห้องมี 1 เมล็ด ผลมีรูปร่างกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 เซนติเมตร (ซม.) เนื้อหุ้มเมล็ดมีสีเหลืองอ่อน มะไฟกาขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด
ด้านการใช้ประโยชน์ ชาวบ้านทางภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามันมักนำยอด ใบอ่อน หรือผลอ่อนของมะไฟ ที่มีรสเปรี้ยวใช้กินเป็นผัก เช่น ใส่ในแกงคั่ว แกงเลียง แกงส้ม ทางภาคใต้นิยมกินเป็นผักเหนาะ เรียกกันว่า “ส้มไฟอ่อน”
นอกจากนี้ ยังนิยมนำเปลือกผลสุกที่เป็นสีแดงไปยำกับหนังหมูและกุ้งแห้ง ส่วนชาวบ้านแถบปัตตานีนิยมนำเปลือกของผลมะไฟกามาใส่แกงส้มแทนส้มแขก หรือมะขาม สำหรับผลสุกมักกินเป็นผลไม้สดหรือทำน้ำมะไฟ
มะไฟกานับเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากมีวิตามินซีสูง ช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวหนัง กระดูก และข้อต่อต่างๆ แข็งแรง รวมทั้งสารโพแทสเซียมที่มีบทบาทในการควบคุมการเต้นของหัวใจและควบคุมความดันโลหิต รวมทั้งสารแมกนีเซียมที่จำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญอาหารในร่างกาย และมะไฟยังมีแคลเซียมและคาร์โบไฮเดรตอีกเล็กน้อย
มะไฟกาเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณทางยาคือ ช่วยขับเสมหะ รักษาอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ รากแก้พิษตานซาง แก้วัณโรค ฝี ดับพิษร้อนและเริม ลดอาการอักเสบ ในบางท้องถิ่นชาวบ้านนิยมใช้มะไฟกาเป็นพืชสมุนไพรกลางบ้าน โดยนำ “รากต้นมะไฟกา” มาต้มน้ำดื่ม เพื่อรักษาอาการอาหารไม่ย่อย หรืออาหารเป็นพิษ ท้องเสีย เป็นต้น


ลังแข หรือลำแข
ความจริง ในผืนป่าภาคใต้ของไทยสามารถพบเห็นพืชในสกุลมะไฟอีกหลายชนิด เช่น ละไม ลังแข จำไร มะไฟลี ฯลฯ ในพื้นที่ป่าดิบชื้น ตั้งแต่บริเวณที่ราบเชิงเขา หรือริมลำธาร พื้นค่อนข้างจะลาดชัน เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ป่าธรรมชาติในภาคใต้ถูกบุกรุกทำลายอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตหากคนไทยไม่ช่วยกันอนุรักษ์ป่าไม้ พืชในสกุลมะไฟอาจจะมีโอกาสสูญพันธุ์จากป่าเมืองไทยได้เช่นกัน
มองผ่านๆ อาจคิดว่าลังเเขคือกระท้อน เพราะมีสีสันเเละขนาดใกล้เคียงกัน
มองผ่านๆ อาจคิดว่าลังเเขคือกระท้อน เพราะมีสีสันเเละขนาดใกล้เคียงกัน
ชาวบ้านเรียกอีกอย่างว่า ลูกปุย ตามลักษณะเด่นของผลไม้ชนิดนี้ ที่ด้านในผลมีเนื้อสีขาวฟูๆ ห่อหุ้มเมล็ดอยู่ ลังแขหรือลูกปุย เป็นผลไม้ป่าเฉพาะถิ่นทางภาคใต้ของไทยที่เจริญเติบโตในดินร่วนซุยตามภูเขาและป่าพรุ ผลของลูกปุยจะติดเป็นพวง มีลักษณะกลมแบนคล้ายผลกระท้อน แต่ขนาดเล็กกว่า นอกจากนี้ ลังแขยังมีขนาดของผลใหญ่กว่ามะไฟมาก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-6 ซม.
ผลลังแขโตเต็มที่จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-5 ซม. ลังแขมีเปลือกหนา สีส้มหรือสีน้ำตาลแดง มีรสชาติเปรี้ยวปนฝาดเล็กน้อย คนใต้นิยมนำเปลือกลังแขไปปรุงอาหาร ส่วนเนื้อมีรสชาติหวาน นิยมกินเป็นผลไม้ ลังแขจะติดผลให้ได้กินกันปีละครั้ง ประมาณเดือนสิงหาคมถึงกันยายนของทุกปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น