วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561

อดีตพนักงานบริษัท ผันตัวเองมาทำการเกษตร จนประสบผลสำเร็จ ได้รับเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ



วันนี้ (6 มี.ค. 61) นายชนธัญ นฤเศวตานนท์ ประธานกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาบ้านบ่อน้ำร้อน เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ปี 2559 ผู้รวมกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาบ้านบ่อน้ำร้อน เพื่อมาเลี้ยงปลานิลระบบสายน้ำไหลผ่าน จนกลายมาเป็นหมู่บ้านปลา ที่แม่ทัพภาคที่ 4 ให้การสนับสนุนตามแผนปฏิบัติการพัฒนาเศรษฐกิจเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยม เศรษฐกิจ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" เป็นพื้นที่นำร่องในการยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยปัจจุบันมีกลุ่มเกษตรกรผู้สนใจเข้ามาศึกษาดูงานที่ศูนย์เรียนรู้ด้านการประมง การเลี้ยงปลานิลเชิงพาณิชย์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 2 ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อย่างต่อเนื่อง


         นายชนธัญ นฤเศวตานนท์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงปลาบ้านบ่อน้ำร้อน เล่าว่า หลังจากที่ตนเรียนจบจากสาขาวิศวะกรรมศาสตร์ ก็เข้าไปทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศหลายแห่งที่กรุงเทพฯ นานนับ 10 ปี จึงตัดสินใจกลับบ้านเกิดมาดูแลพ่อแม่ที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา จากเริ่มแรกที่รู้จะประกอบอาชีพอะไร จึงลองทำอาชีพเกษตรกรรม โดยเริ่มศึกษาและน้อมนำการทำเกษตรตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานให้กับชาวไทยมาปรับใช้ โดยเริ่มจากการเลี้ยงปลานิล เนื่องจากปลานิลเป็นปลาเศรษฐกิจเลี้ยงง่าย โตเร็ว ได้รับความนิยมในทุกระดับ นำมาแปรรูปได้หลายอย่าง โตเร็ว ทำให้ปริมาณปลานิลมีมากพอที่จะส่งขายตลาดได้ในราคาที่ ไม่สูงมากนัก จึงได้ทดลองเลี้ยงปลานิลระบบสายน้ำไหลผ่าน โดยการต่อท่อน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่เกิดจากภูเขาซึ่งไหลตลอดทั้งปี ผ่านบ่อปลาแบบขั้นบันไดที่มีความสูงต่ำตามไหล่เขา มีความได้เปรียบในเรื่องการทำความสะอาดบ่อปลา ซึ่งมีขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร ลึกประมาณ 1-1.5 เมตร โดยใช้วิธีการเพิ่มออกซิเจนลงในน้ำที่เรียกว่า VENTURI คือ การใช้พลังงานจากน้ำธรรมชาติไหลผ่านท่อ ปล่อยให้ตกลงมาจากที่สูง เกิดเป็นพลังงานกล และดูดอากาศเข้ามาผสมกับน้ำแล้วใส่ลงไปในบ่อเลี้ยง ทำให้ปลามีออกซิเจนอย่างเพียงพอ มีโอกาสรอดสูง เจริญเติบโตไว ทำให้เลี้ยงง่าย อยู่ง่าย เพราะสภาพแวดล้อมมีการเคลื่อนไหว ไม่ตกตะกอนก้นบ่อ น้ำจึงไม่เหม็นเมื่อเทียบกับบ่อที่เป็นน้ำนิ่ง อีกทั้ง ตลาดมีความต้องการมาก เนื่องจากปลาไม่มีกลิ่นคาว โต ตามมาตรฐาน จี เอ พี (GAP) ที่กรมประมงกำหนด


         ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงปลาบ้านบ่อน้ำร้อน เล่าอีกว่า หลังจากที่ตนประสบความสำเร็จแล้ว ต้องการจะถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับชาวบ้าน จึงรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงปลาบ้านบ่อน้ำร้อน เลี้ยงปลานิลเชิงพาณิชย์ขึ้น โดยมีสมาชิก 11 คน และมีการขยายบ่อเพิ่มขึ้น โดยนำพันธุ์ปลานิลที่อนุบาลแล้ว ประมาณ 2 เดือน มาปล่อยในบ่อจริง บ่อละ 2500 ตัว ใช้เวลาเลี้ยง 5-6 เดือน เมื่อได้ปลาขนาดตัวละ 1-1.2 กิโลกรัม จึงคัดขาย วันละ 200-300 กิโลกรัม ต่อวัน ขายส่งราคากิโลกรัมละ 90-100 บาท ซึ่งทางกลุ่มได้รับมาตรฐาน จี เอ พี (GAP) จากกรมประมงแล้ว ว่าปลานิลของกลุ่มมีคุณภาพ สามารถจำหน่ายออกสู่ท้องตลาดทั้งในพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และประเทศมาเลเซีย ทำให้สมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่สมาชิกรับจ้างกรีดยางอย่างเดียว มีรายได้ ปีละ 70,000 บาทต่อปี ตอนนี้หลังจากเข้าร่วมกลุ่มเลี้ยงปลานิล มีรายได้เพิ่มขึ้น ปีละ 400,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว การทำงานของกลุ่มจะยึดหลักไม่เอาเปรียบกัน ซื่อสัตย์ เสียสละ และรักในอาชีพเลี้ยงปลา ซึ่งขณะนี้ ทางกลุ่มได้มีการเลี้ยงปลาจีน และปลากือเลาะห์ หรือปลาพลวงชมพู ปลาเศรษฐกิจตัวใหม่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงปลาคาร์ฟ ปลาสวยงาม เพื่อเลี้ยงส่งให้ฟาร์มปลาในภาคกลางด้วย ขณะเดียวกัน ได้วางเป้าหมายต่อยอดพัฒนาศูนย์แห่งนี้ให้เป็นแหล่งส่งเสริมศูนย์การเรียนรู้ สำหรับผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงปลาและเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไปในอนาคตอีกด้วย


        สำหรับเกษตรกรที่สนใจจะศึกษาวิธีการเลี้ยง หรือสอบถามขั้นตอนต่างๆ สามารถติดต่อ ได้ที่คุณชนธัญ นฤเศวตานนท์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงปลาบ้านบ่อน้ำร้อน โทร.08-9732-6555
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น