“ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย
บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความ ปรารถนาดี เพื่ออำนวยพรแก่ท่านทั้งหลายทั่วกัน
และขอขอบใจท่านเป็นอย่างมากที่มีไมตรีจิตสนับสนุนข้าพเจ้าในภารกิจทุกอย่างเสมอมา"
ในปีที่แล้ว
บ้านเมืองของเรามีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น
คือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตรได้เสด็จสวรรคตเมื่อเดือนตุลาคม
กล่าวได้ว่า นำความโศกเศร้าอาดูรและนับเป็นความสูญเสียของชาวไทยทั้งประเทศ
ข้าพเจ้ารู้สึกตื้นตันและประทับใจที่ได้เห็นประชาชนทุกเพศ
ทุกวัย ถ้วนหน้า มีจิตจงรักภักดี และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณพรั่งพร้อมกันมาถวายสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
ขอขอบใจทุกท่านที่ร่วมมือร่วมใจช่วยงานพระบรมศพอย่างพร้อมเพรียง
ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า
คนไทยนั้นมีจิตใจดี มีความกตัญญูกตเวที
มีความเอื้ออารีต่อกัน มีความรักชาติแผ่นดิน เป็นคุณสมบัติประจำชาติ
และมีความรู้ความสามารถไม่แพ้ชนชาติอื่นใด
ดังนั้น ไม่ว่าจะมีอุปสรรค ปัญหา
หรือเหตุไม่ปกติใดๆเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา ก็เชื่อได้ว่า
ถ้าเราจะร่วมกันคิดอ่านและช่วยกันปฏิบัติแก้ไข ทุกสิ่งทุกอย่าง จะสามารถคลี่คลายลุล่วงไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน
ปีใหม่นี้
ขอให้ชาวไทยทุกคนตั้งใจให้แน่วแน่ที่จะรักษาคุณสมบัตินี้ให้เหนียว แน่น
และทำความคิด จิตใจ ให้แจ่มใส ด้วยปัญญาที่กระจ่าง พิจารณาทุกสิ่งที่เกิดมีขึ้นตามความเป็นจริง โดยปราศจากอคติ
ให้มีความมุ่งมั่น มีกำลังใจ
ในอันที่จะร่วมกันปฏิบัติสรรพกิจน้อยใหญ่ในภาระหน้าที่ตามแนวพระบรมราโชบายที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานไว้ ให้งานทุกอย่างสำเร็จผล เป็นความดี ความเจริญ
ทั้งแก่ตนเอง แก่ส่วนรวม และประเทศชาติ
เป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
ในการนี้
ข้าพเจ้าขอปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับประชาชนชาวไทยโดยเต็มกำลังความสามารถ
เพื่อสืบสานพระราชปณิธานเช่นกัน”
นสพ.ไทยรัฐอัญเชิญพระราชดำรัสที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานพรปีใหม่ พ.ศ.2560 แก่ประชาชนชาวไทย เมื่อค่ำวันที่ 31
ธันวาคม 2559
ถือเป็นนิมิตหมายในการเริ่มต้นศักราชใหม่
ภายใต้รัชกาลปัจจุบัน
จับใจความสำคัญที่สะท้อนถึงความตั้งมั่นในพระราชหฤทัย
ในการร่วมกับประชาชนชาวไทยฝ่าฟันวิกฤติปัญหาด้วย “พลังแผ่นดิน” อันเป็นคุณสมบัติพิเศษประจำชาติ เพื่อทำให้บ้านเมืองอยู่อย่างปกติสุข
สืบสานพระราชปณิธานพระราชบิดา
และพอดีกับห้วงสถานการณ์ปลายปี
2559 ถึงต้นปี 2560 ได้เกิดภาวะอุทกภัย น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ 11 จังหวัด
นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา กระบี่ พัทลุง นราธิวาส ยะลา ปัตตานี ตรัง ชุมพร
ระนอง รวมถึงประจวบคีรีขันธ์ สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชนจำนวนมาก
ชาวบ้านผู้ประสบอุทกภัยต้องเผชิญทุกข์แสนสาหัส
ซึ่งนั่นก็ได้เห็นถึงน้ำพระทัย “ในหลวงรัชกาลที่
10” ที่ทรงห่วงใยประชาชนของพระองค์ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้องคมนตรี
ผู้แทนพระองค์อัญเชิญถุงยังชีพพระราชทาน สิ่งของพระราชทาน และชุดธารน้ำใจสภา
กาชาดไทย ไปมอบให้ประชาชนผู้เดือดร้อน พร้อมพระราชทานลายพระหัตถ์ห่วงใยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้
เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2560
“ด้วยความรักและห่วงใย
ขอเป็นกำลังใจในการร่วมกันฟื้นฟูและพัฒนา เพื่อขวัญที่ดี
จิตใจและร่างกายที่เข้มแข็ง นำมาซึ่งความสุขและความมั่นคงของชาติ”
พระราชทานทั้งกำลังทรัพย์ กำลังกาย
และกำลังใจ
ในสถานการณ์ต่อเนื่องกัน สมเด็จพระเจ้า
อยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ ยังทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ
ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยเฉพาะกิจ 904 กองพัทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ กองร้อยรักษาความสงบ
กองพันทหารม้าที่ 20 กรมทหารม้าที่ 5
รักษาพระองค์ ข้าราชบริพาร หน่วยราชการในพระองค์ข้าราชบริพาร หน่วยราชการในพระองค์
พร้อมหน่วยงานกรุงเทพมหานคร ร่วมกันกำจัดผักตบชวา วัชพืชที่กีดขวางทางระบายน้ำ
ขุดลอกคลองในพื้นที่กรุงเทพฯ
ด้วยทรงห่วงใยในปัญหาขยะและผักตบชวากีดขวางทางระบายน้ำ
ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในเขต กทม.
สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วม รวมถึงการจราจรที่ติดขัดอย่างหนัก
ก่อผลกระทบทั้งด้านสุขภาพจิตและความเสียหายทางเศรษฐกิจ
แสดงให้เห็นเลยว่า
ทุกข์ของพสกนิกรอยู่ในพระเนตรพระกรรณ
ที่สำคัญทรงปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องไม่ใช่แค่ยามภัยพิบัติเท่านั้น
ดังเห็นได้จากการพระราชทานทุนการศึกษาและอาหารกลางวันให้ที่ต่อเนื่องมาจาก “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร”
ตั้งแต่ พ.ศ.2553
โดยมีพระราชดำริให้นำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์
และทรัพย์จากผู้บริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ทั้งการสร้างโรงเรียน การให้ทุนการศึกษา เสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนที่ยากจน
ได้มีโอกาสศึกษาอย่างต่อเนื่อง
นั่นก็เพราะทรงตระหนักในคุณค่าความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีคุณภาพด้วยการให้การศึกษา
เพราะการศึกษาจะสร้างโอกาสให้ได้เรียนรู้วิชาการความรู้ต่างๆที่จะสามารถนำมาใช้ประกอบอาชีพ
พัฒนาตนเองให้มีความรู้ ความสามารถ อันเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว สังคม
ตลอดจนประเทศชาติ
ด้วยสายพระเนตรที่มองการณ์ไกลถึงอนาคตของประเทศไทย
ไม่ใช่แค่การศึกษาด้านเดียว
ยังมีเรื่องของการดูแลเสริมสร้างสุขภาพอนามัยของประชาชน การรักษาพยาบาล
โดยเฉพาะคนยากจนด้อยโอกาสในชนบทห่างไกลที่พระราชทานความช่วยเหลือคนเจ็บป่วย
ผู้พิการทุพพลภาพ รับเป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์
รวมถึงพระราชทานทรัพย์สนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์ผ่านโรงพยาบาล “สมเด็จพระยุพราช” ทั้ง 21 แห่ง ทั่วทุกภาคของประเทศ
ตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ช่วยฟื้นคุณภาพชีวิตของพสกนิกร ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากพื้นฐานที่พระราชบิดาได้ทรงวางแนวทางไว้
โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงใส่พระทัยกับการสานต่อโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระราชบิดาที่ทรงริเริ่มและมีโครงการไว้แล้วกว่า
4,447 โครงการ
ไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำ
โครงการพัฒนาด้านการเกษตร โครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม
โครงการพัฒนาด้านส่งเสริมอาชีพ โครงการพัฒนาด้านสาธารณสุข โครงการพัฒนาด้านสาธารณสุข
โครงการพัฒนาด้านคมนาคม โครงการสวัสดิการสังคมและการศึกษา
และโครงการอื่นๆที่พระองค์ทรงตั้งพระราชหฤทัยแน่วแน่ จะสานต่อโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชต่อไป
นอกจากการใส่พระทัยด้านการศึกษา
การสาธารณสุข ฟื้นคุณภาพชีวิตของพสกนิกร และการบรรเทาทุกข์ให้ผู้ประสบภัยพิบัติ “ในหลวงรัชกาลที่ 10” ยังทรงใฝ่ในพระพุทธศาสนา
ดังจะเห็นว่า
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในด้านการพระศาสนามาโดยตลอด อาทิ
ได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ตามฤดูกาลทุกปี และในเทศกาลวันสำคัญทางศาสนา มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา จะเสด็จ
พระราชดำเนินแทนพระองค์ “ในหลวงรัชกาลที่ 9”
ในการบำเพ็ญพระราชกุศลไม่เคยขาด
โดยเฉพาะในปี
พ.ศ.2560 นี้ ซึ่งถือเป็นปีแรกในรัชกาล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวันวิสาขบูชา โดยทรงนำสวดมนต์เนื่องในวันวิสาขบูชา ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ในพระบรม มหาราชวัง เมื่อวันพุธที่ 10 พฤษภาคม
ทรงดำเนินพระองค์เป็นแบบอย่างของพุทธมามกะที่เคร่งครัด
ศรัทธาในพระพุทธศาสนา อันเป็นพื้นฐานของความดีงาม นำไปสู่สังคมที่สงบสุข
และด้วยหลักธรรม
ทำให้ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา
พระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกร
ทรงใส่พระทัยไม่มองข้ามแม้จะเป็นจุดเล็ก จุดน้อย ซึ่งสะท้อนถึงความรักอันยิ่งใหญ่ต่อเหล่าประชาชนของพระองค์
ดังจะเห็นได้จากการที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานแจกจ่ายให้ประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระบรม มหาราชวัง
โดยเป็นอาหารที่ดีมีคุณภาพ
ปรุงสุกใหม่ และมีประโยชน์ทางโภชนาการ เนื่อง
ด้วยพระองค์ต้องการให้คนไทยมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง เป็นกำลังเสริมในการพัฒนา ชาติบ้านเมือง
อย่างที่ทรงปฏิบัติเป็นตัวอย่างในการออกกำลังพระวรกายเพื่อพลานามัยที่แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากเรื่องสุขภาพพลานามัยแล้ว ที่แข็งแรง เป็นกำลังเสริมในการพัฒนาชาติบ้านเมือง
อย่างที่ทรงปฏิบัติเป็นตัวอย่างในการออกกำลังพระวรกายเพื่อพลานามัยที่แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากเรื่องสุขภาพพลานามัยแล้ว
ยังมีเรื่องของกิจกรรมสันทนาการ
อย่างที่มีพระราชดำริให้จัดการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติที่จัดขึ้นบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าทุกวันเสาร์
เวลา 19.00-21.30 น. โดยการสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนวงดุริยางค์ของกองทัพบก
กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
มาบรรเลงให้ประชาชนทั่วไปได้รับชมรับฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เพื่อนำความทรงจำเก่าของปวงชนชาวไทยที่เคยได้รับฟังเพลงพระราชนิพนธ์กลับคืนสู่ผืนแผ่นดินไทย
และเพื่อความสุขความรักสามัคคีของคนในชาติ
เป็นการฟื้นบรรยากาศดีงามของเมืองไทยในอดีตที่ผ่านมา
ทั้งหมดทั้งปวงก็ด้วยพระราชหฤทัยที่มุ่งมั่น
พระราชปณิธานที่แน่วแน่ ในการรวมพลังคนในชาติ
นำพาประเทศไทยก้าวข้ามการเปลี่ยนผ่านไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ทำให้พสกนิกรของพระองค์อยู่กันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข
ดังที่มีพระราชดำรัสตอบในการรับขึ้น
“ทรงราชย์”
ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา
ได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทยเชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ว่าเป็นไปตาม
พระราชประสงค์ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถ บพิตร ให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎ
มณเฑียรบาล
ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์
กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธาน
และเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง”
ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นจากพระราชกรณียกิจตั้งแต่ขึ้นทรงราชย์
“ในหลวงรัชกาลที่ 10” ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดำรงอยู่บนพื้นฐานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
ชาวไทย ดำเนินตามรอยพระบาท สนองพระราชปณิธานของพระราชบิดา
สมดั่งที่ประชาชนคนไทยเทิดทูนสถาบันอยู่เหนือเกล้าฯ
ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2560 ปีแรกของรัชกาล
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน.
ทีมข่าวการเมือง
.....................................