วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

วันนี้ในอดีตตรงกับวันที่ 18 กรกฎาคม 2538 วันเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี


วันนี้ในอดีตเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ตรงกับวันที่ 18 กรกฎาคม 2538 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า เสด็จสวรรคตที่โรงพยาบาลศิริราช รวมพระชนม์มายุ 95 พรรษา พสกนิกรชาวไทยต่างตกอยู่ในความตกใจระคนกับความเศร้าโศกเสียใจที่ได้ทราบข่าว

แถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่ 18 ประกาศว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงมีพระอาการทรุดลง เนื่องด้วยมีพระอาการแทรกซ้อนทางพระยกนะ (ตับ) และพระวักกะ (ไต) ไม่ทำงาน พระหทัยทำงานไม่ปกติ ความดันพระโลหิตต่ำทำให้เกิดภาวะเป็นกรดในพระโลหิต


คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาความผิดปกติของระบบต่างๆ รวมทั้งการฟอกพระโลหิตด้วยเครื่องไตเทียมและกรองสารพิษซึ่งเกิดจากภาวะผิด ปกติของพระยกนะ แต่พระอาการตั้งแต่เช้าจนเที่ยงของวันที่ 18 กรกฎาคมคงอยู่ในภาวะวิกฤต

เวลาประมาณ 18 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมราชชนนี ณ ห้องประทับ ตึก 84 ปี ประทับข้างพระแท่นสมเด็จพระบรมราชชนนีพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระนัดดา ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม


ต่อมาสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินมาเฝ้าฯ ด้วย

เวลา 21.17 น. สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกราบที่พระหัตถ์ พระประยูรญาติทรงกราบ และผู้ที่เข้าเฝ้าฯ ทุกคนในที่นั้นจึงหมอบกราบพร้อมกัน
เมื่อประมาณ 16.30 น. ก่อนที่จะมีพระราชพิธีสรงน้ำพระบรมศพ ณ พระที่นั่งพิมานรัตยา อากาศก็เปลี่ยนไปมีเมฆครึ้มและฝนตกอย่างหนัก "สายฝนที่หลั่งไหลทำให้บรรยากาศซึมเศร้าเป็นที่อัศจรรย์แก่พสกนิกรทั่วกัน"

ในระหว่างที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่มากมาย ที่เป็นการช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นโครงการหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) โครงการมูลนิธิขาเทียม โครงการมูลนิธิถันยรักษ์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม โครงการพัฒนาดอยตุง ฯลฯ

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2543 องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations for Education, Science and Culture Organisation: UNESCO) จึงได้ประกาศยกย่องให้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเป็น "บุคคลสำคัญของโลก" ยังความภาคภูมิใจของพสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างมาก

ในด้านการปกครองราชอาณาจักรไทย พระองค์ทรงเป็น "สมเด็จพระราชชนนี" ของในหลวงถึง 2 รัชกาลด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังทรงเป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยมในพระราชจริยวัตรของในหลวงรัชกาลปัจจุบัน โดยเฉพาะในเรื่องของความประหยัด ความอ่อนน้อมถ่อมตน ที่เราไม่อาจหาแบบอย่างใดที่ดีเยี่ยมไปมากกว่านี้ได้แล้ว


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังจัดการพระบรมศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

และจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ระหว่างวันที่ 9 - 14 มีนาคม 2539 วันที่ 9 มีนาคม บำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

วันที่ 10 มีนาคม เวลา 07.00 น. อัญเชิญพระโกศออกพระเมรุมาศเวลา 16.30 น. ถวายพระเพลิงพระบรมศพเวลา 22.00 น. ถวายพระเพลิงพระบรมศพ (จริง) วันที่ 11 มีนาคม เก็บพระบรมอัฐิ และเชิญพระโกศพระบรมอัฐิและผอบพระราชสรีรางคาร ไปยังพระบรมมหาราชวัง

12 มีนาคม บำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท 13 มีนาคม เลี้ยงพระ และเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ ขึ้นประดิษฐานบนพระวิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

14 มีนาคม 2539 อัญเชิญพระราชสรีรางคารจากพระศรีรัตนเจดีย์ ไปยังอนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น