เราทุกคนต่างรู้จัก
"สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" เป็นอย่างดี ทั้งจากในหนังสือเรียน ละคร
ภาพยนตร์ รวมถึงเรื่องเล่าต่าง ๆ จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน
ว่าท่านทรงเป็นวีรกษัตริย์นักรบที่มีพระปรีชาสามารถ
และยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่กอบกู้เอกราชให้ชาติไทยอีกด้วย ดังนั้น
วันที่ 18 มกราคมของทุกปี
รัฐบาลจึงกำหนดให้เป็นนกองทัพไทย วันยุทธหัตถี และวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ความเป็นมาวันกองทัพไทย
วันยุทธหัตถี และวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ความเป็นมาวันกองทัพไทยนั้น
เกิดขึ้นจากสงครามยุทธหัตถีในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.
2135 ในครั้งนั้นพระเจ้านันทบุเรงได้ให้พระมหาอุปราชายกทัพใหญ่มาตีกรุงศรีอยุธยา
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทราบข่าว จึงยกทัพหลวงไปตั้งรับที่หนองสาหร่าย
ซึ่งระหว่างที่การรบกำลังดำเนินอยู่นั้น ช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
และพระเอกาทศรถก็ได้ไล่ล่าศัตรูไปจนออกนอกเขตแดน
จนทำให้ทั้งสองพระองค์ตกไปอยู่ในวงล้อมของศัตรูโดยไม่รู้ตัว
แต่ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะเสียเปรียบ
พระองค์ก็มีพระสติ ไม่หวั่นไหว และทรงแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
ว่าทางที่จะรอดได้มีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือเชิญพระมหาอุปราชาเสด็จมาทำยุทธหัตถี
ในท้ายที่สุดพระองค์ก็สามารถกระทำยุทธหัตถีได้รับชัยชนะอย่างสมพระเกียรติ
และนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกเลย
ทำให้ในสมัยนั้นไทยได้ขยายอาณาเขตไปอย่างกว้างขวางกว่าสมัยใด ๆ
ซึ่งการทำยุทธหัตถีในครั้งนั้น
ถือว่าเป็นการทำยุทธหัตถีที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
และยังเป็นการรบบนบกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกด้วย
พระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยลำดับที่ 18 แห่งราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา
ทรงเป็นพระโอรสองค์โตของพระสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าและพระวิสุทธิกษัตรีย์
ภายหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า
สมเด็จพระนเรศวรได้ถูกนำเป็นองค์ประกันที่เมืองหงสาวดี
ในระหว่างที่พำนักอยู่ที่นั่น
พระองค์ได้ศึกษาวิชาความรู้ ความสามารถต่าง ๆ
ด้วยความหวังที่แรงกล้าว่าจะได้กลับมากู้ชาติกู้แผ่นดินอีกครั้ง
แต่ด้วยความที่สมเด็จพระนเรศวรเป็นผู้ที่มีความกตัญญูรู้คุณ
พระองค์จึงไม่อยากที่จะทำการใด ๆ ในระหว่างที่พระเจ้าบุเรงนองยังทรงมีพระชนมชีพอยู่
แต่พอภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าบุเรงนอง
สมเด็จพระนเรศวรก็ได้กลับมายังพระนครกรุงศรีอยุธยาบ้านเกิดอีกครั้ง
และด้วยความสามารถที่เป็นเลิศทางด้านการศึกของพระองค์
โดยเฉพาะการทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา ก็ทำให้พระองค์สามารถกู้บ้านเมืองคืนมาได้อีกครั้ง
จนเป็นที่น่าเกรงขามของข้าศึก
บทบาทของกองทัพไทย
เนื่องในวันที่ 18 มกราคม
ถือเป็นวันกองทัพไทยด้วยอีกหนึ่งวัน
เราจึงควรทราบถึงบทบาทของกองทัพไทยซึ่งมีหน้าที่ที่สำคัญต่อประเทศมากมาย
ล้วนแต่เป็นหน้าที่ที่สำคัญต่อประเทศชาติ ดังนี้
- การป้องกันประเทศ
กองทัพไทยได้จัดทำแผนการป้องกันประเทศไว้สำหรับรับสถานการณ์จากภัยคุกคามทุกด้าน
และจัดให้มีการฝึกกองทัพไทยทุกปี รวมถึงมีการจัดเตรียมกำลังรบพร้อมปฏิบัติการตามแผนตั้งแต่ยามปกติและยามคับขัน
รวมทั้งแก้ปัญหาผู้อพยพและผู้ที่หลบหนีเข้าเมือง
- การรักษาความมั่นคงภายใน
กองทัพไทยให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของสถาบัน ชาติ ศาสนา
และพระมหากษัตริย์
รวมถึงปฏิบัติการด้านการข่าวเพื่อให้ได้ความร่วมมือจากประชาชนในการให้ข่าวสารกับทางราชการ
และปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน
- การรักษาผลประโยชน์ของชาติ
กองทัพไทยมีบทบาทสำคัญในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ
ทั้งทางบกและทางทะเล ป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า รักษาเส้นทางคมนาคมทางทะเล
ช่วยแหลือผู้ประสบภัย และบรรเทาสาธารณภัย
-
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
กองทัพไทยมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้แก่ประชาชน
รวมถึงการรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไว้
- การพัฒนาประเทศ
การพัฒนาประเทศของกองทัพไทยนั้น
คือการกำหนดแผนการปฏิบัติงานประจำปีของแต่ละหน่วย โดยใช้กำลังพลและงบประมาณของกองทัพในการดำเนินการ
รวมถึงสนับสนุนภาครัฐและเอกชนตามโครงการพัฒนาประเทศ และพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพ
กิจกรรมที่ทำในวันกองทัพไทย
กิจกรรมที่จะกระทำในวันกองทัพไทย คือ
-
พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพล หรือที่เรียกว่า "สวนสนามสาบานธง"
ซึ่งเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์สำหรับทหาร และเป็นการระลึกถึงวีรกรรม
- ทำบุญตักบาตร
เพื่ออุทิศเป็นส่วนพระราชกุศลและกุศลแก่บรรพบุรุษ
-
ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ
- จัดแสดงนิทรรศการ
เกี่ยวกับความเป็นมาของความกล้าหาญแห่งวีรกษัตริย์ไทย และวันกองทัพไทย
ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นคนไทย
เกิดบนแผ่นดินไทย
เราทุกคนจึงควรตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
มั่นทำความดีและดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข และที่สำคัญที่สุดคือควรสามัคคี
เพื่อที่เราจะได้อยู่กันอย่างสงบ และเพื่อตอบแทนพระคุณของพระองค์ท่าน
ที่ได้ทรงเสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องรักษาแผ่นดินไทยของเราให้ได้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น