สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทาน 9 แนวทางให้รัฐบาลเป็นหลักปฏิบัติเพื่อประเทศชาติ
"นายกฯ" เผย ร.10 ตรัสแนวทางพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 9 "เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่สมเด็จพ่อได้ทรงทำไว้"
รัฐบาลทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
เผยแพร่ให้ประชาชนรับชม
ที่ทำเนียบรัฐบาล
วันที่ 8 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวันที่ 7
ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
เป็นการส่วนพระองค์ โดยได้ถวายรายงานการทำงานของรัฐบาลตามห้วงระยะเวลา
ซึ่งตนได้ถวายรายงานในทุกๆ เรื่อง ทั้งเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ
ปัญหาอุทกภัยและการช่วยเหลือ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสรับสั่ง ประกอบด้วย
1.ทรงมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
รับสั่งให้ช่วยเหลือตามมาตรการต่างๆ ด้วยความรวดเร็วและทั่วถึง
สิ่งใดที่สถาบันจะช่วยได้ ก็จะพระราชทานความช่วยเหลือมาให้อย่างที่ทรงทำในปัจจุบัน
"รับสั่งให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในพื้นที่
ถ้ายังไม่สามารถดำเนินการภาพรวมทั้งหมดได้ ก็ให้ทยอยดำเนินการไป
ซึ่งเรื่องดังกล่าวผมได้กราบบังคมทูลอธิบายถวายให้ทรงทราบแล้วว่ารัฐบาลกำลังมีโครงการต่างๆ
จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช
บรมนาถบพิตร ที่ทรงริเริ่มไว้มาหลายสิบปี ซึ่งบางโครงการก็ยังไม่สำเร็จ หรือยังไม่ครบ
ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่การทำ
แต่อยู่ที่ประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในที่ดินหรือพื้นที่ส่วนบุคคล ซึ่งในวันที่
9 ส.ค. ผมจะหารือกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำในเรื่องดังกล่าว"
พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ
กล่าวว่า
2.มีรับสั่งขอให้ทำให้ประเทศชาติ และประชาชนมีความสุข
ซึ่งทรงย้ำเสมอทั้งเรื่องการช่วยเหลือ การบรรเทา การจัดระเบียบ การสร้างวินัย
สร้างอุดมการณ์ รับสั่งว่าให้ทำทุกมาตรการอย่างต่อเนื่อง
3.ให้ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีมาแต่โบราณกาลในส่วนที่ดีงาม
มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย ทำให้นักท่องเที่ยวได้พบเห็นและชื่นชม ขอให้รักษาไว้ให้ได้
4.รับสั่งถึงภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ
อาทิ ภัยคุกคามในรูปแบบเก่า เรื่องอธิปไตย ซึ่งวันนี้ก็น้อยลง
มีเฉพาะเรื่องของการรักษาทรัพยากรทั้งบนแผ่นดินและผืนน้ำ
ที่เป็นอาณาเขตของประเทศไทย จำเป็นต้องมีกำลังดูแลรักษา และทรงเป็นห่วงเรื่องภัยคุกคามรูปแบบใหม่
ที่ต้องเตรียมมาตรการรองรับให้เป็นสากล
ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เกิดในประเทศอื่นก็จะมามีอิทธิพลต่อประเทศไทย
อยู่ที่คนไทยทุกคนจะร่วมมือกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า
5.รับสั่งให้เร่งดูแลระบบการศึกษา
ซึ่งปัจจุบันเรามีการปฏิรูปกันมากพอสมควร เพื่อเร่งกระบวนการเรียนรู้ให้คนไทยมีความรู้อย่างจริงจัง
ทำงานได้ สามารถที่จะมีอาชีพมั่นคง มีความเข้มแข็ง และมีหลักคิดที่ถูกต้องในทุกๆ
เรื่อง จะได้ลดความขัดแย้ง
6.รับสั่งให้ช่วยกันส่งเสริมงานจิตอาสา
ซึ่งตนได้สั่งการในที่ประชุม ครม.ให้นำแนวพระราชกระแสรับสั่ง โดยกระทรวงมหาดไทยไปจัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครขึ้นมาดูแลพื้นที่
ดูแลความมั่นคงและกิจการต่างๆ ในลักษณะเป็นจิตอาสา หรือทำกิจการสาธารณะ
เพราะบางอย่างถ้ารอข้าราชการทำฝ่ายเดียวคงไม่ทัน
นอกจากนี้
7.รับสั่งดูแลประชาชนให้ความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม
ทุกอย่างทรงขอว่าให้เป็นไปตามขั้นตอน ตามกฎหมายทุกประการ ให้มีหลักฐานที่ชัดเจน
ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรมให้ได้
8.ข้าราชการทุกหมู่เหล่าหรือส่วนราชการ
ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการฝ่ายใดก็ตาม ขอให้ประพฤติตนเป็นแบบอย่าง
เป็นแม่แบบให้กับประชาชนให้เกิดความเคารพศรัทธา และเชื่อมั่นในการทำงาน
จะได้เกิดความร่วมมือ ลดผลกระทบระหว่างกันให้ได้ในการบังคับใช้กฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า
9.เรื่องสำคัญที่สุดคือทรงเสียพระราชหฤทัยในการสูญเสียพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร และคนไทยทั้งประเทศก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งว่า ขอให้ช่วยกันสร้างความเข้าใจ
ขยายสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
ทรงทำไว้อย่างมากมาย ให้ยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป
"พระองค์ท่านพระราชทานแนวทางไว้เป็นระยะเวลายาวนาน
ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเองก็ทรงได้รับการสั่งสอนจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
9 ด้วย เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่จะต้องแก้ไข เพราะพระองค์ท่านตรัสว่า
"เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่สมเด็จพ่อได้ทรงทำไว้"
ขณะเดียวกันก็ทรงให้นึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่
9 ด้วย ซึ่งพระองค์พระราชทานสิ่งต่างๆ ไว้มากมายให้กับประเทศไทย
ขอให้นำแนวทางพระราชดำริของทั้งสองพระองค์ไปขับเคลื่อน" นายกฯ กล่าว
ด้านนายวีระ
โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ได้นำเสนอวีดิทัศน์สารคดีเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา 12
สิงหาคม 2560 ซึ่งจัดทำโดยสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)
ให้ที่ประชุม ครม.รับทราบ เนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ ความยาว
3.56 นาที เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้ริเริ่ม สนับสนุน
ฟื้นฟูและสืบทอดงานศิลปะแขนงต่างๆ
ของไทยมิให้เสื่อมสูญเป็นมรดกวัฒนธรรมคู่แผ่นดินไทยสืบมาตราบทุกวันนี้
"ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา
85 พรรษา กระทรวงวัฒนธรรมจะนำสารคดีเฉลิมพระเกียรติฯ ไปเผยแพร่ผ่านทางยูทูบ
สื่อออนไลน์ และสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับชมกันอย่างทั่วถึง
และเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระองค์ท่าน และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ"
รมว.วัฒนธรรมกล่าว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น