ดันหนองจิก เบตง สุไงหโก-ลกสู่เมืองสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
การลงพื้นที่ครั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรูปแบบที่เรียกว่า
“สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ที่เป็นแนวทางการพัฒนาศักยภาพของท้องถิ่นทั้งด้านเกษตรกรรม
อุตสาหกรรม การท่องเที่ยวที่พัฒนาพร้อมๆ กับอัตลักษณ์เมืองมุสลิม
เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาเชื่อมโยงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เป็นการพัฒนาเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในพื้นที่ โดยเลือก 3
เมืองต้นแบบเพื่อการพัฒนาทั้ง 3 ด้าน คือ
อำเภอหนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็น 1 ใน
3 ของเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมันคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่รัฐบาลกำลังเตรียมผลักดันเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจ
ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่และนำมาซึ่งความสันติสุขอย่างยั่งยืนโดยกำหนดให้เป็นเมืองต้นแบบเกษตรอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน
มีความโดดเด่นด้านการเกษตรกรรม มีระบบชลประทานที่สมบูรณ์
เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำแต่ดั้งเดิม ประชากรกว่าร้อยละ 80 ยึดอาชีพทำการเกษตร
ปลูกข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมัน
ที่สำคัญในพื้นที่มีการก่อตั้งโรงงานแปรรูปปาล์มน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีกำลังการผลิตร่วม
1,000 ตันต่อวัน และมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง
ปัจจุบันสามารถรองรับผลผลิตปาล์มน้ำมันในจังหวัดชายแดนใต้ได้ทั้งหมด
รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย
เมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง
ยั่งยืน อีก 2 เมือง คือ อ.เบตง จ.ยะลา ถูกกำหนดให้เป็นเมืองพัฒนาที่พึ่งตนเองด้านพลังงานแบบยั่งยืน
เพื่อแก้ปัญหากระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ ไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
ภาคการลงทุน
เมืองชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
เป็นเมืองต้นแบบศูนย์กลางการค้าชายแดนระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายที่จะพัฒนาทั้งสามเมืองต้นแบบให้มีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน
เน้นความเป็นอัตลักษณ์เฉพาะพื้นที่ กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ในวงกว้าง
นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
โครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง
มั่งคั่ง ยังยืน มีกำหนดแผนจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2560-2565
โดยจะมีทั้งการปรับปรุง พัฒนาระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ การคมนาคมขนส่ง
รวมทั้งการส่งเสริมการลงทุน ก่อนเชื่อมโยงการขนส่งไปยังประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์
ซึ่งรัฐบาล เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งจะนำไปสู่ความสันติสุขได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น