วันอังคารที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2560

นายกประยุทธ์ลงใต้ดันเมืองต้นแบบ “โกลก-เบตง-หนองจิก” สู่เมืองมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนและมีสันติภาพ


ดันหนองจิก เบตง สุไงหโก-ลกสู่เมืองสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
การลงพื้นที่ครั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรูปแบบที่เรียกว่า สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนที่เป็นแนวทางการพัฒนาศักยภาพของท้องถิ่นทั้งด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การท่องเที่ยวที่พัฒนาพร้อมๆ กับอัตลักษณ์เมืองมุสลิม เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาเชื่อมโยงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นการพัฒนาเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในพื้นที่ โดยเลือก 3 เมืองต้นแบบเพื่อการพัฒนาทั้ง 3 ด้าน คือ
อำเภอหนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมันคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่รัฐบาลกำลังเตรียมผลักดันเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่และนำมาซึ่งความสันติสุขอย่างยั่งยืนโดยกำหนดให้เป็นเมืองต้นแบบเกษตรอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน มีความโดดเด่นด้านการเกษตรกรรม มีระบบชลประทานที่สมบูรณ์ เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำแต่ดั้งเดิม ประชากรกว่าร้อยละ 80 ยึดอาชีพทำการเกษตร ปลูกข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ที่สำคัญในพื้นที่มีการก่อตั้งโรงงานแปรรูปปาล์มน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีกำลังการผลิตร่วม 1,000 ตันต่อวัน และมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง ปัจจุบันสามารถรองรับผลผลิตปาล์มน้ำมันในจังหวัดชายแดนใต้ได้ทั้งหมด รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย



เมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน อีก 2 เมือง คือ อ.เบตง จ.ยะลา ถูกกำหนดให้เป็นเมืองพัฒนาที่พึ่งตนเองด้านพลังงานแบบยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหากระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ ไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ภาคการลงทุน



เมืองชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เป็นเมืองต้นแบบศูนย์กลางการค้าชายแดนระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายที่จะพัฒนาทั้งสามเมืองต้นแบบให้มีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เน้นความเป็นอัตลักษณ์เฉพาะพื้นที่ กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ในวงกว้าง นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น


โครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยังยืน มีกำหนดแผนจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2560-2565 โดยจะมีทั้งการปรับปรุง พัฒนาระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ การคมนาคมขนส่ง รวมทั้งการส่งเสริมการลงทุน ก่อนเชื่อมโยงการขนส่งไปยังประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งรัฐบาล เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะนำไปสู่ความสันติสุขได้อย่างยั่งยืนในอนาคต


................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น