เกือบ 30 ปีที่ผ่านมา
คลื่นทะเลได้กัดเซาะเอาผืนดินของชาวบ้านนับร้อยๆ ไร่แถบนี้ หายไปในทะเล
จนช่วงหลังมานี้มีการก่อสร้างกำแพงคอนกรีตกันคลื่นกัดเซาะ
ทำให้มีผืนทรายขาวงอกเงยเกิดขึ้นตามแนวชายฝังทะเลอ่าวไทยประมาณ 1 กิโลเมตร
อยู่ในพื้นที่หมู่ 1-3 ต.แหลมโพธิ์
และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจ เกิดการค้าขาย สร้างงาน สร้างรายได้
พลิกเศรษฐกิจให้ดีขึ้นแก่คนในชุมชนแห่งนี้
สารูมา กาเซ็ง เจ้าของรีสอร์ทบ้านไม้ริมทะเล หาดตะโละสะมิแล
(รีสอร์ทเจ้าแรกในย่านนี้ )เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า
จุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจมาจากความไม่ตั้งใจ
คือได้สร้างบ้านให้น้องชายมาพักในช่วงวันหยุด
เมื่อสร้างเสร็จแล้วบ้านหลังนั้นก็เป็นที่สะดุดตาของใครหลายๆคนที่มารับลมชมทะเล
มีหลายคนมาขอเช่าพัก และถึงขั้นมาขอซื้อก็มี
จึงทำให้เกิดความคิดที่จะเปิดเป็นบ้านพักริมทะเลขึ้น ซึ่งปัจจุบันบ้านไม้ริมทะเล
มีห้องพักให้บริการทั้งหมด 26 หลัง
ห้องพักที่นี่จะมีลักษณะเป็นเหมือนโฮมสเตย์ คือ มีที่พักพร้อมอาหาร
หรือสามารถนำอาหารสดมาประกอบอาหารได้
โดยทางเราจะเตรียมพร้อมในเรื่องของอุปกรณ์ต่างๆให้ ราคาห้องพักจะเริ่มตั้งแต่ 400 -1200 บาท
มีทั้งแบบพักเป็นคู่ปกติและบ้านพักแบบครอบครัว
ซึ่งยอดจองในช่วงหน้าร้อนนี้เต็มแน่นมาตั้งแต่ช่วงเดินมีนาคมที่ผ่านมา
โอมิร่า เจ๊ะแว
ผู้จัดการมูเทียร่า รีสอร์ท (รีสอร์ทน้องใหม่ในย่านนี้) กล่าวว่า
ทุกวันนี้การท่องเที่ยวที่หาดตะโละสะมีแลคึกคักมาก
นักท่องเที่ยวมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีรีสอร์ทเพิ่มขึ้นถึง 28 แห่ง
ตนรู้สึกดีใจและภูมิใจที่เห็นพี่น้องทั้งในและนอกพื้นที่หันมาท่องเที่ยวในบ้านเรา
ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับตัวเอง และชุมชน
เป็นการกระจายรายได้ให้กับชาวประมงซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนในชุมชนแห่งนี้ให้ยังคงอยู่ต่อไป
ที่สำคัญทำให้คนที่ออกไปหางานทำที่อื่น
ได้กลับมาประกอบอาชีพที่บ้านเกิดและได้อยู่กับครอบครัว ทำให้เกิดความสุขอย่างแท้จริง
นอกจากจะมีทะเลสวยๆ
บรรยากาศดีๆแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆอีกมากมาย อาทิ
การให้บริการเรือบานานาโบทหรือเรือกล้วยครั้งละ 300 บาท นั่งได้ 6 คน
หรือจะเป็นเรือคายัค และห่วงยาง
ให้เลือกกันตามใจชอบ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้ความสนใจกับกิจกรรมเหล่านี้
เพราะในจังหวัดชายแดนใต้จะหากิจกรรมที่เล่นกันได้ทั้งครอบครัวแบบนี้ได้ยาก
เราจึงได้ยินเสียงหัวเราะแห่งความสุขดังกึกก้องอยู่ตลอดสาย
นางสาวโนร์มีร์รา ดะแซ
นักท่องเที่ยวจากจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคน3จังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่ไปใช้ชีวิตไปเรียนอยู่นอกพื้นที่อยู่หลายปี
ก็จะรับรู้ได้ว่าคนภายนอกจะมองบ้านเราในทางลบ จะคิดถึงแต่เหตุการณ์ความไม่สงบ
โดยไม่เปิดใจมองสิ่งที่สวยงามที่มีอยู่มากมาย
ความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
ดูได้จากแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันมากขึ้น
และมีการประชาสัมพันธ์ผ่านโลกโซเชียล ทำให้เราได้เห็นถึงความสวยงาม
ได้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ “...หนูเชื่อว่าไม่ใช่เพียงแค่ตัวหนูเองที่อยากมา
คนพื้นที่อื่นเมื่อได้เห็นความสวยงามเหล่านี้แล้วก็จะทำให้รู้สึกอยากมาที่นี่เช่นกัน
หนูรู้สึกดีใจที่บ้านเรามีสถานสวยๆ แบบนี้ เห็นคนมาเที่ยวเยอะๆแบบนี้
เพราะคนในพื้นที่เองได้เห็นแบบนี้แล้วความหวังเรื่องสันติภาพมันก็ใกล้ความจริงมากยิ่งขึ้น...”
น้ำทะเลใสๆ
ชวนให้ลงไปสัมผัสคลื่นเบาๆ ชิมบรรยากาศความเป็นธรรมชาติ เป็นความสุขใกล้ตัวที่หาได้จากที่นี่
เด็กๆ ลงเล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนาน
ผู้ปกครองได้พักผ่อนหย่อนใจมีรอยยิ้มและสนุกสนานไปตามกันบรรยากาศเช่นนี้เป็นวิถีปกติของผู้คนในดินแดนแห่งนี้
วิถีแห่งความเรียบง่ายสโลว์ไลฟ์ที่หลายคนใฝ่หา
ปลายด้ามขวานแห่งนี้ยังคงมีความงดงามของธรรมชาติ ผู้คนมีน้ำใจ เป็นความจริงที่สัมผัสได้และยังคงอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น