ชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจำนวนมากต่างเดินทางไปเยี่ยมชม หรือสุสาน
เป็นสถานที่ฝังศพของชาวมุสลิม และมัสยิดอิสลามียะห์ หมู่บ้านโต หมู่บ้านในตำนาน
ที่โผล่ริมน้ำทะเลสาบฮาลาบาลา บริเวณใต้สะพานข้ามทะเลสาบเขื่อนบางลาง บ้านฆอแย
หมู่ที่ 5 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา
หลังจากพื้นที่เหนือน้ำของเขื่อนบางลางซึ่งอยู่ในเขตลุ่มน้ำแม่น้ำปัตตานีตอนบนน้ำลดจนถึงแห้งขอดในบางจุด
จนสามารถมองเห็นตัวอาคาร พื้นดินด้านล่าง และตอต้นไม้ขนาดใหญ่แห้งตายเรียงรายจำนวนมากได้อย่างชัดเจน
จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดยะลา ทำให้พ่อค้า แม่ค้า
ต่างนำอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าต่างๆมาจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว
รวมถึงบริการเรือโดยสารข้ามฟากให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้
ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เสริม หลังราคายางตกต่ำ
นายสุรเดช สิงห์บูรพา ชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า
ในพื้นที่แห่งนี้ก่อนที่จะจมอยู่ใต้ทะเลสาบฮาลาบาลา
เดิมทีพื้นที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ฝรั่งชาวอังกฤษ
ได้เข้ามาบุกเบิกทำกิจกรรมเกี่ยวกับแร่ดีบุก โดยมีชาวบ้านในพื้นใกล้เคียงที่มาเป็นลูกจ้างแรงงานเป็นหลัก
จนกลายมาเป็นหมู่บ้านโต มีการค้าขายอย่างรุ่งเรือง รวมทั้งมีโรงเรียน มัสยิด วัด
สุสาน โรงพัก อนามัย ในอดีตเวลาเดินทางจาก อำเภอยะรม ในสมัยนั้นหรืออำเภอเบตง
ในปัจจุบันนี้ เดินทางไปตัวจังหวัดยะลา หรือจากจังหวัดยะลาจะไปอำเภอเบตง
การเดินทางค่อนข้างลำบาก จะต้องมาแวะพักระหว่างทาง ณ ที่หมู่บ้านแห่งนี้
ซึ่งหลังจากที่มีการสร้างเขื่อนบางลางเมื่อปี 2524 กว่า 36 ปี
ปัจจุบันชาวบ้านในหมู่บ้านดังกล่าว ได้ย้ายถิ่นฐานบ้านเรือน ไปตั้งรกรากที่ หมู่ 5
บ้านฆอแย หมู่ 6 บ้านสันติ 2 และหมู่ 7 บ้านคอกช้าง ในอำเภอธารโต จ.ยะลา
ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้จมอยู่ใต้น้ำ กว่า 36 ปี แต่เมื่อคราวถึงในช่วงหน้าแล้ง
ปริมาณน้ำในเขื่อนลดลง จะสามารถมองเห็นซากปรัก
และสถานที่สำคัญต่างๆของหมู่บ้านแห่งนี้
จนทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในพื้นที่
นายสุรเดช กล่าวอีกว่า
หลังจากมีการแชร์ภาพสถานที่ดังกล่าวในโลกโซเชียล และสื่อมาเสนอข่าว
ก็ทำให้มีชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย
เดินทางไปเยี่ยมชม กุโบร์หรือสุสาน และมัสยิดอิสลามียะห์
ซึ่งเป็นมัสยิดเก่าแก่ในพื้นที่ ที่ยังคงหลงเหลือเสาอาคารมัสยิด และบาตูแนแซ
หรือป้ายหินปักหลุมฝังศพ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของ
กุโบร์สำหรับป้องกันการเหยียบหรือ นั่งทับ
และที่เห็นชัดคืออาคารโรงแร่ดีบุกที่อยู่ใกล้กุโบร์
ที่ยังคงเห็นโครงสร้างได้อย่างชัดเจน
ชาวบ้านจึงได้ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวที่มาสถานที่แห่งนี้
ขอให้ความเคารพและให้เกียรติกูโบร์ หรือสุสานในฐานะสาธารณะสมบัติของชุมชน
มุสลิมทุกคนที่เดินผ่านสุสาน หรือกูโบร์ของชาวมุสลิม ต้องกล่าวให้ซาลาม และขอดุอาฮ
และห้ามส่งเสียงดัง หรือพูดจาร่าเริง
และขอให้สตรีมุสลิมหรือคนต่างศาสนิกห้ามเข้าเขตกูโบร์ ที่ชาวบ้านทำสัญลักษณ์แบ่งเขตเอาใว้
ด้านนางสาวไลลา นักท่องเที่ยว กล่าวว่า
เนื่องจากกุโบร์หรือสุสาน และมัสยิดอิสลามียะห์
เป็นสถานที่โบราณที่มีคุณค่าทางจิตใจ และมีความสำคัญด้านต่างๆ ของชาวบ้านในพื้นที่
ก็ขอให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม ไม่ควรทิ้งขยะมูลฝอย หรือสิ่งปฏิกูลที่ก่อให้เกิดความสกปรกแก่สถานที่แห่งนี้และช่วยกันรักษาความสะอาด
และห้ามกระทำการใดๆ ที่ทำให้สถานชำรุดและเสียหายโดยเด็ดขาด
อาจแตกหักหรือพังทลายได้ง่าย
-------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น