‘ลมใต้ สายบุรี’
พฤติกรรมของกลุ่มขบวนการที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นอิสระจากรัฐบาลไทยและมีการปกครองตนเอง ได้มีการปลุกระดมหาแนวร่วมให้ทำการจับอาวุธลุกขึ้นต่อสู้ เพื่ออุดมการณ์ หรือเพื่อแกนนำสุดแล้วแต่ สิ่งหนึ่งที่ยอมรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่งคือการใช้อาวุธทำการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผู้ที่อ่อนแอ เด็กและสตรี ซึ่งไม่มีส่วนรู้เห็นกับความขัดแย้งทั้งมวล
นั่นคือแนวทางการต่อสู้ของกลุ่มขบวนการที่ผ่านมาสิบกว่าปีที่ใช้อาวุธยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนยังคงเดือนหน้า“ทำร้ายประชาชน”บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
ในส่วนของ “ปีกการเมือง” ของกลุ่มขบวนการ “นักศึกษา PerMAS” ก็ยังคงเส้นคงวาแม้จะเปลี่ยนผู้นำใหม่ยังคงรักษามาตรฐานด้วยการ “แส่ทุกเรื่องสอดรับทุกสถานการณ์” ทุกกิจกรรม ทุกสถานที่จะเห็นสมาชิกกลุ่มนักศึกษา PerMAS ไปเสนอหน้าด้วยการสอดแทรกทำการปลุกระดม “การกำหนดใจตนเอง” เพื่อหาแนวร่วมทางการเมือง
สิบวันสุดท้ายเดือนรอมฎอน ณ มัสยิดท่าด่านฐานที่มั่นของกลุ่มขบวนการ และปีกการเมืองอย่าง PerMAS มีการขึ้นป้ายไวนิลรายอหน้ามัสยิด และในเวลาต่อมามีเจ้าหน้าที่ทำการปลดไวนิลแผ่นดังกล่าวออกเพราะมี Selt determination และในเวลาต่อมากลุ่ม PerMAS ได้ทำการโพสต์ในเฟสบุ๊ค จนท.ทหารสั่งปลดป้ายไวนิลอ้างผิดกฎหมายความมั่นคง และตั้งคำถาม “ส่วนไหนที่ผิดกฎหมาย”
ผู้เขียนอยากจะให้ผู้อ่านรับรู้ความรู้สึกของคนในพื้นที่กันดูว่าท่าทีต่อเรื่องดังกล่าวเป็นเช่นไร การกระทำของกลุ่ม PerMAS ตลอดจนผู้นำศาสนาที่รับผิดชอบมัสยิดท่าด่านคิดถูกแล้วหรือ? กับการนำแผ่นไวนิลเจ้าปัญหาแผ่นดังกล่าวติดหน้ามัสยิดท่าด่านเป็นที่ตั้งของ….ถูกใช้เป็นที่แสดงออกของปีกการเมืองของผู้เห็นต่างจากรัฐ
“เห็นป้ายรายอหน้ามัสยิดท่าด่านแล้วไม่สบายใจ” “แบ” อายุ 60 กว่าๆ กล่าวขึ้นเป็นคำแรกที่ได้สนทนา ผมเลยหันไปถามแบว่า ทำไม? มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือ?
จากนั้นผมก็ไม่มีโอกาสยิงคำถามใส “แบ” อีกเลย เพราะความอัดอั้นที่แบได้เก็บไว้ได้พลั่งพลูออกมาจากปากเล่าให้ผมฟังเป็นฉากๆ
“แบ” เล่าว่าตั้งแต่มีคนนำแผ่นไวนิลมาติดหน้ามัสยิดเดินผ่านหันไปมองแล้วความไม่สบายใจทุกครั้ง แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ได้มาเก็ยแผ่นไวนิงแผ่นดังกล่าวออกรู้สึกโล่งใจ
“สมควรแล้วที่เจ้าหน้าที่เอาออก จะผิดกฎหมายหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่การเอาเรื่องที่พวกคุณ (นักศึกษา PerMAS) ยอมรับเองว่าเป็นเรื่องการเมือง ที่เรียกว่าสิทธง สิทธิกำหนดใจอะไรนั่นแหละ ไปติดที่มัสยิดเป็นเรื่องที่ผิดแน่ๆ”
ต่อจากนั้น“แบ”ได้ขยายความว่า ไม่มีมุสลิมที่ไหนจะทำให้บ้านของพระเจ้าต้องไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง หรือประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง พร้อมได้ตั้งคำถามไปยังผู้ที่นำแผ่นไวนิลดังกล่าวมาติดว่า “เป็นมุสลิมหรือปล่าว?”
อีกทั้งยังได้ตั้งข้อสังเกตไปยังอิหม่าม ตลอดจนกรรมการมัสยิดท่าด่านไปอยู่ที่ไหน ทำไม? ไม่ทำหน้าที่รับผิดชอบ ปล่อยให้ทำอย่างนี้ได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นในป้ายไวนิลยังเอาโองการในอัรกุรอ่านไปประกอบเชื่อมโยงกับเรื่องสิทธิอะไรนั่นอีก ยิ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง
อยากเรียกร้องให้อิหม่ามและคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานีออกมาแสดงความรับผิดชอบและชี้แจงต่อเรื่องดังกล่าวด้วย
นั่นคือความรู้สึกของ “แบ” แก่ๆ ในพื้นที่ท่านหนึ่งที่มีความไม่สบายใจต่อเรื่องดังกล่าว ถึงความไม่ชอบมาพากลของอิหม่ามและกรรมการมัสยิดที่ทำการปล่อยปละละเลยไม่ดูแลบ้านของพระเจ้า ปล่อยให้กลุ่มบุคคลใช้เป็นสถานที่เคลื่อนไหวทางการเมือง
หากทำการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของแกนนำ “MARA PATANI”จะพบว่าได้มีการหยิบยกโองการในอัรกุรอ่านเดียวกันนี้กับกลุ่มนักศึกษา PerMAS ยิ่งทำให้มั่นใจและรู้แน่ชัดแล้วว่าเป็นพวกเดียวกัน ที่มักแอบอ้างศาสนาเพื่อประโยชน์ส่วนตน และหวังผลงานการเมือง ที่สำคัญกลุ่มขบวนการได้มีการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนา ชี้นำให้สมาชิกทำการเข่นฆ่าคนแล้วได้บุญ มีการปลุกกระแสญีฮาดที่ทุกคนต้องลุกขึ้นสู้เพื่อศาสนา ทำการขับไล่ผู้รุกราน ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่ม ขององค์กรแทบทั้งสิ้น ส่งผลให้ศาสนาของมัวหมองนำประเด็นศาสนามาเกี่ยวข้องทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิด.
ที่มา:http://www.southernreports.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น