จังหวัดปัตตานี
แถลงข่าวกรณีมีนักโทษก่อเหตุจลาจลและวางเพลิงทรัพย์สินภายในเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี
พร้อมยื่นข้อเรียกร้อง
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2559 ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์
รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธาน และมี พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี นายแวดือราแม มะมิงจิ
ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี นายนพพร รัตนวัย
ผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานี ร่วมแถลงข่าว โดยมีสื่อมวลชนแขนงทุกแขนงร่วมรับฟัง
นายนพพร รัตนวัย
ผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีผู้ต้องขัง 2 คน ในคดีพยายามฆ่า
และลักขโมยจากจังหวัดสงขลามาฝากขังที่จังหวัดปัตตานี
ซึ่งเคยก่อเหตุจลาจลมาแล้วเมื่อปี 2538 ที่เรือนจำจังหวัดสงขลา
เมื่อมาอยู่ที่ปัตตานีซึ่งได้มีการเข้มงวดมากทำให้บุคคลดังกล่าวไม่พอใจและได้เริ่มปลุกระดม
ปรากฏว่ามีผู้ต้องขังจากนราธิวาสซึ่งมาฝากขังที่จังหวัดปัตตานี
เพื่อเตรียมส่งต่อเรือนจำกลางสงขลาร่วมกับผู้ต้องขังปัตตานีบางส่วนเข้าร่วมก่อเหตุ
โดยมีการก่อการทะเลาะวิวาทกัน เรียกร้องเพียงไม่ให้ย้ายตนเองไปที่อื่น
พร้อมทั้งพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่เรือนจำที่อยู่ภายใน 5 คน
แต่ผู้ต้องขังฝ่ายความมั่นคงได้เจรจาจนปล่อย 5 คน
หลังจากนั้นเริ่มก่อจลาจลเรียกร้องไม่ให้ย้ายไปที่อื่น
ต่อมาเริ่มเพิ่มข้อเรียกร้องอีกรวม 13 ข้อ พร้อมทั้งเผาอาคารเสียหาย 1 หลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามใช้วิธีสันติ โดยเจรจา 3 ครั้ง
โดย 2 ครั้งแรก
ได้ให้ประธานคณะกรรมการอิสลามปัตตานีช่วยมาคุยเจรจาด้วย
เนื่องจากส่วนใหญ่รู้จักเพราะเข้ามาบรรยายเรือนจำบ่อยๆ แต่ผู้ต้องขังยังก่อเหตุเผาอาคารอีก
2 หลัง และทุบทำลายอาคารทำให้อาคารบางส่วนได้รับเสียหาย
เจ้าหน้าที่พยายามโน้มน้าวจิตใจและเจรจาอีกหลายครั้งไม่เป็นผล
จึงได้นำชุดปราบจลาจลเข้าไปควบคุมสถานการณ์จนประสบผลสำเร็จ ในเวลาประมาณ 02.00
น. (ของวันที่ 15 ก.ค. 59) มีการนำผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นผู้ต้องขังส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลปัตตานี
6 คน เสียชีวิต 1 คน ส่วนอีก 5 คน ถูกกระจกบาดที่เท้าและถูกทำร้ายร่างกาย
มีผู้เสียชีวิตที่ถูกผู้ต้องขังทำร้ายกันเองอีก 2 คน
ส่วนเจ้าหน้าที่บาดเจ็บเล็กน้อย 4 คน
ขณะนี้สถานการณ์โดยทั่วไปเริ่มคลี่คลายลงแล้ว
ผู้บัญชาการเรือนจำกลางปัตตานี
กล่าวเพิ่มเติมว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ส่วนอาคารที่เสียหายถูกเผาเสียหายหมด คือ อาคารที่ทำการฝ่ายควบคุมผู้ต้องขัง
อาคารโรงเรียนการศึกษาและที่ฝึกอาชีพ
ส่วนอาคารเอนกประสงค์ฝ่ายการศึกษานั้นถูกทุบทำลายได้รับความเสียหาย
ขณะนี้ได้ดำเนินการย้ายผู้ต้องขัง จำนวน 333 คน
ออกจากเรือนจำปัตตานีไปฝากที่เรือนจำจังหวัดสงขลา เรือนจำกลางสงขลา
เรือนจำอำเภอนาทวี ฑัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา ให้มีจำนวนผู้ต้องขังลดลง
เพื่อให้เจ้าหน้าที่จะได้เข้าไประงับสถานการณ์และเคลียร์พื้นที่ได้สะดวกขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น