ก่อนจะพาไปเที่ยวขอบอกถึงจุดเด่นของชุมชนแห่งนี้ก่อนว่า
ที่นี่มีวัฒนธรรมท้องถิ่นดั้งเดิมเป็นอัตลักษณ์เฉพาะสังเกตได้จากความสามัคคีของชุมชนที่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
โดยไม่มีความขัดแย้งระหว่าง 2 ศาสนา จนได้เป็นหนึ่งใน 5
ชุมชนเข้มแข็งทางวัฒนธรรมของจังหวัดชายแดนภาคใต้เลยทีเดียว
การท่องเที่ยวชุมชนทรายขาวในครั้งนี้ของเราจะเป็นแบบทริป 2 วัน 1 คืน
โดยเราได้เดินทางจากตัวเมืองปัตตานีเข้าสู่ ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์
ในช่วงบ่ายๆ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
มาถึงที่แล้วไม่รอช้าไปโดดน้ำคลายร้อนกันก่อนที่อุทยานน้ำตกทรายขาว
ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ สร้างความร่มรื่น
เย็นสบาย ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่น้ำตกเลยทีเดียว
น้ำตกทรายขาวเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ ต้นน้ำไหลมาจากยอดเขานางจันทร์
บนเทือกเขาสันกาลาคีรี มีความสูงถึง 40 เมตร
สายน้ำของน้ำตกที่ไหลลงสู่เบื้องล่างผ่านโขดหินน้อยใหญ่
ทำให้เกิดความคดเคี้ยวลดหลั่งของสายน้ำเป็นชั้นๆ
เกิดเป็นแอ่งน้ำหลายแอ่งที่มีขนาดใหญ่และลึก
บางจุดไหลผ่านหน้าผาที่สูงชันเห็นสายน้ำสีขาวโพลนสวยงาม โดยมีทั้งหมด 10
ชั้น
ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังน้ำตกด้วยการเดินทางเท้าคอนกรีตที่มีความสะดวกสบายพร้อมกับการสัมผัสธรรมชาติสองข้างทางของธารน้ำตก
สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนเป็นอย่างมาก
หลังจากเล่นน้ำกันเสร็จแล้วก็เดินทางไปยังที่พัก
หลายคนอาจะนึกถึงรีสอร์ทสวย หรูๆ หยุดความคิดนั้นไปได้เลย
เพราะที่นี่คือแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เพราะฉะนั้นที่พักของเราคือ “โฮมสเตย์”
ชุมชนทรายขาวแห่งนี้ได้มีการจัดกิจกรรมที่พักให้นักท่องเที่ยวที่มีความสนใจในวิถีชีวิตที่เรียบง่าย
แบบสังคมชนบท
ได้สัมผัสกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมท้องถิ่นกับความเป็นกันเองของชาวบ้าน
ได้ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน เช่นพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ร่วมกันทำอาหารพื้นบ้านของที่นี่ และนั่งรับประทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน
ถือเป็นความสนุกสนานที่หาได้ยากในสังคมเมือง
ทริปนี้ยังไม่จบ
โปรแกรมต่อไปเราจะพาไปชมทะเลหมอกและชมความงามของดาวบนดิน
ที่จุดชมวิวเขาลูกช้าง โดยเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ เวลา 05.00 น.
ซึ่งความโดดเด่นของการท่องเที่ยวชุมชนทรายขาวอีกอย่างหนึ่ง คือ การนั่ง
“รถจิ๊บ” ชมความสวยงามของธรรมชาติ
ระหว่างทางเราจะสัมผัสกับการเย็นสดชื่นจากผื่นป่า
ได้ยินเสียงนกร้องต้อนรับยามเช้าตลอดสองข้างทาง
จุดชมวิวเขาลูกช้างตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว
มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 500 เมตร
สามารถสัมผัสความงดงามของทะเลหมอกที่มีความสวยไม่แพ้ที่ใด
เมื่อม่านหมอกค่อยๆจางลงเราก็เห็นความงามของดาวบนดิน
ซึ่งเป็นแสงไฟจากบนท้องถนน หรือตามบ้านเรือน ที่ส่องแสงระยิบระยับ
เป็นหย่อมๆ สวยงามมากเลยทีเดียว
และที่แห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งขององค์พระพุทธมหามุนินทโลกนาถ
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ปางยมกปาฏิหาริย์
ที่สร้างขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวใจของชาวบ้าน
หลังจากชมความงามที่จุดชมวิวเขาลูกช้างแล้ว
เราเดินทางลงสู่ยอดเขาโดยระหว่างทางจะพบกับความมหัศจรรย์ของหินขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายงู
ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า ผาพญางู
ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพญางูที่ทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาคุ้มครองความปลอดภัยให้กับชาวบ้านในพื้นที่
จากนั้นเดินทางเท้าขึ้นไปทางด้านบนของหน้าผาเล็กน้อยจะเป็นสถานที่ที่ประดิษฐ์สถานของพระพุทธรูปแก่นไม้ลั่นทม
อายุกว่า 200 ปี ซึ่งเชื่อกันว่าบริเวณนี้เคยถูกใช้เป็นที่วิปัสสนาของ
“หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” ในอดีตมาแล้ว
จากนั้นเดินทางลงมายังชุมชนเพื่อมาชมความงดงามของวัดทรายขาว และ
มัสยิดโบราณ ที่มีอายุ 300 กว่าปี
จากนั้นได้เดินทางไปยังกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
เป็นกลุ่มแม่บ้านที่รวมกลุ่มกันทำผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น
เช่น กล้วยเส้นแปรรูป และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากส้มแขก
และถ้าเราเดินทางมาในช่วงเดือน สิงหาคมถึงเดือนกันยายน จะเป็นฤดูผลไม้
เราจะได้เดินชมพร้อมชิมผลไม้สดจากสวน
ซึ่งผลไม้ที่โดดเด่นและโด่งดังของที่นี่คือ ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง
ที่ได้ชื่อว่าเป็น“ทุเรียนทรายขาวพรีเมี่ยม” ที่มีรสชาติหวานอร่อย
กรอบนอกนุ่มใน ฮึ้ม...มีความฟินส์แบบสุดๆไปเลย
การท่องเที่ยวชุมชนทรายขาวที่นี่เราจะได้สัมผัสถึงวิถีชุมชน 2 วัฒนธรรม
พุทธ มุสลิม อยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี
ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสให้การต้อนรับคนนอกพื้นที่ด้วยความเป็นกันเอง
ได้ชมความงดงามของธรรมชาติที่แทบไม่มีการดัดแปลง
ซึ่งชาวบ้านที่นี่หวังว่าจะเป็นสิ่งที่สามารถลบภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นผ่านสื่อในสายตาของหลายคน ให้เป็นภาพของความสวยงามและความสงบสุขของพื้นที่แห่งนี้ต่อไป