วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560

ท่องไปในแดนธรรม-วิหารองค์พ่อจตุคามรามเทพ จังหวัดนราธิวาส


วิหารองค์พ่อจตุคามรามเทพ และ ศาลหลักเมืองนราธิวาส

หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๔๗ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนหวาดกลัวกังวล หลายคนต้องหาสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ เพื่อผ่อนคลายความเครียดในชีวิตประจำวัน ที่ต้องประสบพบเห็นอยู่เสมอๆ ขณะเดียวกัน ได้มีสมาชิก กลุ่มปัญจธรรม จุดรูป ๑๖ ดอก อย่างต่อเนื่องทุกวัน เพื่อขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ได้โปรดช่วยปกป้องคุ้มครองพี่น้องประชาชนทุกคนในพื้นนี้ ได้อยู่อย่างปกติสุขเหมือนอย่างอดีตที่ผ่านมา และแล้ว...สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้กราบไหว้บูชาขอพรก็ปรากฏเป็นความจริงขึ้นมา...เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ องค์พ่อจตุคามรามเทพ ได้เสด็จลงมาประทับทรง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่สมาชิกกลุ่มปัญจธรรม เป็นครั้งแรก ที่ จ.นราธิวาส สร้างความแปลกใจแก่กลุ่มสมาชิกเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาสมาชิกกลุ่มปัญจธรรม ตลอดจนผู้มีจิตศรัทธา จึงได้ร่วมกันจัดสร้างเทวสถานขึ้นใน จ.นราธิวาส  เพื่อประดิษฐาน องค์พ่อจตุคามรามเทพ ขนาดหน้าตักกว้าง ๒๗ นิ้ว ประทับนั่งปางมหาราชลีลา ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาขอพร และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจตลอดไป ในการประทับทรงครั้งนั้น องค์พ่อจตุคามฯได้บัญชาให้สมาชิกกลุ่มปัญจธรรม จัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อแจกจ่ายให้ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัย อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ สมาชิกกลุ่มปัญจธรรม และผู้ศรัทธาเลื่อมใสในองค์พ่อจตุคามฯ จึงได้ร่วมกันก่อตั้ง มูลนิธิองค์พ่อจตุคามรามเทพและศาลหลักเมืองจังหวัดนราธิวาส ขึ้น โดยมี นายประชา เตรัตน์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานคณะกรรมการ งานชิ้นแรกที่มูลนิธิดำเนินการ คือ การจัดสร้างวิหารองค์พ่อจตุคามรามเทพ และ ศาลหลักเมืองนราธิวาส ซึ่งเป็นวิหารแห่งแรกที่ตั้งอยู่นอกเขตวัด และมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างด้วยงบประมาณ ๑๐๐ ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า ๑๐ ไร่ ตั้งอยู่ที่ ถนน นรสุขอนุสรณ์ ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส บริเวณตรงข้ามโรงเรียนเทศบาล ๕

วิหารองค์พ่อจตุคามฯ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก แบบศิลปะสมัยศรีวิชัย เนื้อที่ใช้สอยประมาณ ๑,๓๐๐ ตารางเมตร มี ๒ ชั้น ชั้นบนเป็นที่ประดิษฐานองค์พ่อจตุคามรามเทพ ๔ องค์ ชั้นล่างเป็นห้องแสดงประวัติองค์พ่อจตุคามรามเทพ ห้องวัตถุมงคล ห้องที่ทำการมูลนิธิ และเป็นที่ใช้สอยอื่นๆ แบบวิหารที่สร้างขึ้นนี้ สถาปนิกผู้ออกแบบได้รับคำแนะนำจากองค์พ่อจตุคามฯ ผ่านร่างทรง รูปแบบที่ออกมาจึงมีความงดงามอลังการเป็นพิเศษ และถูกต้องตามศิลปะสมัยศรีวิชัยทุกประการ ก่อนจะเริ่มก่อสร้างอาคารวิหาร ได้มีการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และพิธีเททองหล่อองค์พ่อจตุคามรามเทพ โดย ฯพณฯ พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี เมื่อวันที่ ๑๘-๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๙ ขณะนี้วิหารองค์พ่อจตุคามฯ ได้ก่อสร้างเสร็จไปแล้วส่วนหนึ่ง และด้วยเหตุที่การอัญเชิญองค์พ่อจตุคามฯ ขึ้นสู่วิหารจะต้องใช้เครนยก เพราะองค์พ่อมีขนาดใหญ่มาก จึงต้องอัญเชิญขึ้นสู่วิหารก่อน แล้วถึงจะมีการก่อสร้างอาคารวิหารต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกในการทำงานนั่นเอง ขณะเดียวกัน ศาลหลักเมืองนราธิวาส ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันนี้  ก็กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่เช่นกัน ในส่วนของ เสาหลักเมืองนราธิวาส ได้ใช้  ไม้ตะเคียนทอง สูง ๔ เมตร ซึ่งขณะนี้ได้ประกอบพิธีพร้อมกับองค์พ่อจตุคามฯ และจะได้อัญเชิญไปประดิษฐาน เมื่อสถานที่ได้ก่อสร้างจนแล้วเสร็จสมบูรณ์

เสาหลักเมืองจังหวัดนราธิวาส

นายเสรี อนุกูลพันธ์ รองประธานมูลนิธิองค์พ่อจตุคามรามเทพ กล่าวถึงงานพิธีอัญเชิญองค์พ่อจตุคามฯ เข้าประดิษฐาน ณ วิหารองค์พ่อฯ จะมีขึ้นในระหว่าง วันที่ ๕-๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๑ นี้ โดยเฉพาะวันที่ ๕ มิถุนายน ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. ขบวนอัญเชิญองค์พ่อจตุคามฯ พร้อมกัน ณ บริเวณสวนกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แล้วเคลื่อนขบวนแห่ไปรอบตัวเมืองนราธิวาส  ประกอบด้วยทัพช้าง ทัพเรือ ทัพทหารสมัยศรีวิชัย ฯลฯ ไปจนถึงวิหารองค์พ่อจตุคามฯ
จากนั้น เวลา ๑๓.๐๐ น. ฯพณฯ พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี จะมาเป็นประธานในพิธีอัญเชิญองค์พ่อจตุคามรามเทพ เข้าประดิษฐานในวิหาร พร้อมกับประกอบพิธีเปิดวิหารให้ประชาชนเข้าสักการบูชาองค์พ่อจตุคามฯ ต่อไป ส่วนงานในภาคกลางคืน ทุกๆ คืน จะมีการแสดงหนังตะลุง มโนราห์ และการแสดงของวงดนตรี กรม.ร.๓ พล.นย. ในอนาคต เมื่อการก่อสร้างวิหารองค์พ่อจตุคามฯ แล้วเสร็จสมบูรณ์ คณะกรรมการมูลนิธิจะได้เปิดให้เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ห้องสมุดศึกษาธรรมะ สวนพักผ่อนหย่อนใจ ให้ประชาชนได้ใช้บริการโดยทั่วกัน จึงใคร่ขอเชิญชวน ผู้ที่มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ไปร่วมพิธีอัญเชิญ องค์พ่อจตุคามรามเทพ เข้าประดิษฐานในวิหารตามวันเวลาดังกล่าว ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ มูลนิธิองค์พ่อจตุคามรามเทพและศาลหลักเมืองนราธิวาส โทร.๐-๗๓๕๒-๒๕๗๗, ๐๘-๔๘๒๖-๙๖๕๖ หรือที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ เขต ๓ โทร.๐-๗๓๕๒-๒๔๑๑,๐๘-๑๕๙๘-๖๖๒๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น